CEO ของ Ripple นาย Brad Garlinghouse ได้ออกมากล่าวโจมตี Bitcoin อีกครั้งหนึ่ง โดยเขาได้ออกมากล่าวบน Twitter เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา หลัก ๆ เป็นการกล่าวชมหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐฯ อย่าง New York State Department of Financial Services (NYDFS)
โดยนาย Garlinghouse นั้นยังได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับการปล่อยสารพิษต่อสภาพแวดล้อมในการขุด Bitcoin และนั่นถือเป็นสาเหตุที่ทำไมเขาถึงออกมาแนะนำให้หลาย ๆ บริษัทหันมาใช้เหรียญคริปโตที่เป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมมากกว่านี้
“จากที่ตอนนี้มีบริษัทเป็นจำนวนมาก (Square, RH, MicroStrategy, PayPal) กำลังหันมาถือและให้บริการด้าน BTC, เราควรที่จะป้องกันผลกระทบจากสารคาร์บอนและใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านี้”
จัดการความเสี่ยงด้านสภาพแวดล้อม
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าหน่วยงาน NYDFS ได้กลายมาเป็นผู้ออกกฎหมายรายแรก ๆ ในสหรัฐฯที่ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน
โดยทาง NYDFS ได้ออกหนังสือเวียนไปยังสถาบันการเงินที่ถูกเซ็นโดยนาง Linda Lacewell ที่โฟกัสไปยังผลกระทบด้านลบต่อสภาพแวดล้อมที่มีขึ้นจากการขุด cryptocurrency และนั่นอาจเป็นเรื่องไม่ดีต่อการปรับตัวใช้เหรียญคริปโตของนักลงทุนสถาบัน
จดหมายดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้ทาง Ripple หยิบยกเรื่องดังกล่าวมาแผ่ขยายต่อ เนื่องจากว่าพวกเขาเป็นเจ้าของเหรียญ XRP และถือมันเยอะเป็นอันดับหนึ่งของโลก นอกจากนี้เหรียญดังกล่าวนั้นยังมีความเป็น centralized สูงอีกด้วย
โดยเขาได้มีการนำมันมาเปรียบกับ XRP ของพวกเขาที่ชี้ว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังได้พูดถึงพลังงานไฟฟ้าที่นักขุด Bitcoin ใช้ไปว่าสามารถนำมาใช้เปิดหลอดไฟได้หลาย หลอดอีกด้วย
นักเทรด Bitcoin สวน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านักเทรด Bitcoin นั้นจะไม่ปล่อยให้ความเห็นดังกล่าวของนาย Garlinghouse ถูกมองข้ามไปได้อย่างง่าย ๆ โดยนาย Pierre Rochard หรือหนึ่งในนักวิเคราะห์จาก Kraken ได้ออกมากล่าวตอบโต้ว่าเหรียญ Bitcoin นั้นไม่สามารถสร้างเขม่าคาร์บอนได้ด้วยตัวมันเอง แต่ก๊าซเรือนกระจกนั้นถูกปล่อยออกมาจากขั้นตอนในการสร้างพลังงานไฟฟ้าต่างหาก
ในขณะเดียวกันนาย Ryan Selkis หรือผู้ก่อตั้งแพลทฟอร์ม Messari ก็ได้ออกมากล่าวว่าการเปิดโหนด Ripple นั้นส่งผลกระทบที่แย่ต่อโลกเรามากกว่าของ Bitcoin เสียอีก เนื่องจากว่ามันจำเป็นที่จะต้องเปิดตู้เซิฟเวอร์เป็นจำนวนมาก
“ปัญหาโลกร้อนนั้นอาจจะแย่กว่านี้อีกหากเราทุกคนต้องมารันเปิด node ของ Ripple เพราะคุณจำเป็นที่จะต้องมีตู้ server ระดับบริษัทขนาดใหญ่เพื่อตรวจธุรกรรมบน blockchain ของเหรียญ XRP ที่มีเพียง Ripple เท่านั้นที่สามารถรันได้”
หลังจากนั้นความเห็นก็แตกแยกกันเป็นสองเสียง โดยมีทั้งผู้ที่เข้าข้าง Bitcoin และผู้ที่เข้าข้าง XRP แล้วคุณล่ะ อยู่ฝ่ายไหน?