บริษัทผู้สร้างเหรียญขวัญใจชาวไทย XRP อย่าง Ripple นั้นได้ออกมาเผยแพร่รายงานฉบับหนึ่งเกี่ยวกับเหรียญคริปโตของธนาคารกลาง (CBDC) ที่อธิบายว่าเหรียญ XRP นั้นสามารถที่จะให้การสนับสนุนเหรียญ stablecoin เหล่านั้นของธนาคารกลางได้ เพื่อนำไปใช้เป็นสะพานระหว่างสกุลเงินของพวกเขา
ในขณะเดียวกันบริษัท Weiss Ratings ก็ได้ออกมาย้ำเตือนกลุ่มชุมชนว่าปัจจุบันรัฐบาลนั้นได้ออกมาประกาศว่าปัจจุบันธนาคารในประเทศสหรัฐฯนั้นสามารถที่จะทำธุรกรรมเกี่ยวกับ stablecoin ได้อย่างถูกกฎหมายแล้ว โดยเป็นการบ่งบอกถึงอนาคตของสกุลเงินดิจิทัลเลยทีเดียว
CBDC จะสามารถเปลี่ยนแปลงการโอนเงินทั่วโลกได้
โดยอ้างอิงจากรายงานดังกล่าวนั้น ทาง Ripple เน้นย้ำว่าการมาของ CBDC นั้นจะมาเป็นตัวช่วยผลักดันอุตสาหกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศที่สำคัญอย่างมาก โดยเชื่อว่าปี 2021 นี้จะเป็นปีที่เหรียญ CBDC ได้แจ้งเกิดเลยก็ว่าได้
ในปี 2020 ที่ผ่านมานี้ เหรียญ stablecoin ดูเหมือนว่าได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากปัญหา COVID-19 โดยความต้องการใช้ตัวเลือกการจ่ายเงินนอกเหนือจากเงินสดน้นส่งผลทำให้เหรียญคริปโตกำลังได้รับความนิยม นอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐฯนั้นก็ได้มีการพิมพ์เงินออกมามากมายอีกด้วย
นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังได้ประกาศเปิดตัวเหรียญคริปโตเป็นของพวกเขาเองโดยมันมีชื่อว่า DCEP เมื่อปีที่ผ่านมา และปัจจุบันมันกำลังถูกนำไปทดลองใช้ในหลาย ๆ เมืองแล้ว
จำเป็นต้องมีสะพานเชื่อม
ทาง Ripple เชื่อว่าในการที่เหรียญ CBDC นั้นจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น ธนาคารส่วนใหญ่มากกว่า 80% ทั่วโลกจะต้องมีการใช้งานสะพานเชื่อมระหว่างกลางที่เป็นตัวกลางสำหรับการทำธุรกรรมเหรียญเหล่านี้ที่มีความรวดเร็วสูง, มีค่าธรรมเนียมต่ำ และสามารถที่จะ scale ได้ในระยะยาว
“สะพานเชื่อมระหว่างกลางนี้จะทำมีมูลค่าที่ถูกเคลื่อนไหวไปมาระหว่างเหรียญ CBDC หลาย ๆ เหรียญได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีใครมาแก้ไขปัญหาเรื่องสภาพคล่องในด้านการโอนเงินระหว่างประเทศเลย”
นอกจากนี้ทาง Ripple ยังได้กล่าวถึงเทคโนโลยีของพวกเขาที่ชื่อว่า On-Demand Liquidity system หรือ ODL ที่สามารถใช้ XRP ในการเป็นตัวเชื่อมธุรกรรมแบบ real-time พร้อมเสริมว่า XRP นั้นเป็นเครื่องมือสำหรับการเชื่อมสกุลเงินทั้งสองเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังดีกว่าเหรียญอื่น ๆ อีกด้วย
XRP ยังสามารถที่จะช่วยรองรับการแลกเปลี่ยนเหรียญ CBDC ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
“XRP นั้นเร็วกว่า, มีต้นทุนที่น้อยกว่า, ทำให้มันกลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลในอุดมคติในการเชื่อมสองสกุลเงินเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยโซลูชันนี้ยังรองรับการแลกเปลี่ยน CBDC ได้อย่างโดยตรงอีกด้วย”