นักยุทธศาสตร์จาก Bank of America ที่ชื่อว่านาย Francisco Blanch ได้กล่าวว่า “ตลาด Bitcoin มีความอ่อนไหวอย่างมากเนื่องจากความต้องการต่อเงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้น”
จากการวิเคราะห์พบว่า จะต้องใช้กระแสเงินเข้ามูลค่าอย่างน้อย 2 พันล้านดอลลาร์ ในการขยับราคาทองคำขึ้น 1% ซึ่งมากกว่าของ Bitcoin อย่างมาก
“ อะไรคือสิ่งที่ผลักดันให้ราคา Bitcoin เป็นขาขึ้นในปีที่ผ่านมาและโดยเฉพาะปี 2020 คำตอบง่าย ๆ ก็คือจำนวนเงินทุนที่ไหนมานั่นเอง ”
ด้วยมูลค่าตลาดเกือบ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ของ Bitcoin ซึ่งคิดเป็นเพียงแค่ 10% ของมูลค่าตลาดทองคำ
ผลวิจัยชี้ให้เห็นว่า Bitcoin มีความผันผวนมากกว่าทองคำถึงสองเท่า หากเทียบกับอัตรา dollar inflow ที่เท่าๆกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก แม้ว่า Bitcoin จะถือกำเนิดมาได้ถึง 12 ปีแล้วก็ตาม
นักวิจัยของ Bank of America ระบุอีกว่า เจ้ามือขนาดใหญ่ได้ทำการซื้อเหรียญสะสมไว้มากขึ้น ทำให้จำนวนเหรียญลดลง “เมื่อดูบันทึกบล็อกเชนโดยละเอียดเราพบว่า address ที่ซื้อขายรายใหญ่ที่สุด ไม่ได้ทำการขายนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด 19 เริ่มขึ้น” พวกเขากล่าว
จากการค้นพบว่าปัจจุบันมี Bitcoin เพียงแค่ 20% ของที่ถูกขุดขึ้นมาทั้งหมด ที่ถูกนำขึ้นไปเทรดบนกระดานซื้อขายเท่านั้น อ้างอิงจาก Glassnode ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ด้าน Crypto
ด้วยการที่เจ้ามือหรือนักลงทุนสถาบันแห่กันเข้ามาในตลาดที่มากขึ้นเรื่อยๆเพื่อแย่งชิง Bitcoin ที่มีจำนวนจำกัดและน้อยส่งผลทำให้อุปสงค์นั้นเพิ่มขึ้น
“ ถึงแม้จะมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา แต่อุปทานของ Bitcoin ก็ยังคงลดลงอย่างน่าประหลาดใจในช่วงเวลานี้ ”
สุดท้ายแล้ว แม้ว่า Bank of America จะสนับสนุนแนวคิดของ Glassnode ที่ว่า Bitcoin กำลังเป็นขาขึ้น แต่รายงานดังกล่าวกลับมีการพูดถึงเชิงลบอย่างมากเกี่ยวกับ Bitcoin ซึ่งเป็นการชี้ถึงข้อเสียของมันว่ามีความผันผวน ก่อให้เกิดมลพิษและเป็นวิธีการชำระเงินที่ไม่เสถียรอีกด้วย