จากบทความที่เขียนโดย Panos Mourdoukoutas ศาสตราจารย์และประธานของภาควิชาเศรษฐศาสตร์ที่ LIU Post แห่ง New York ซึ่งเคยเขียนลงวารสารและแม็กกาซีนหลายแห่ง เช่น Forbes หรือ The New York Times ได้บอกว่า Bitcoin ทำให้เกิดเศรษฐีมากมาย
Bitcoin ได้ปรับราคาพุ่งสูงสุดที่ 3000 ดอลลาร์ ในเดือนนี้ และปรับลดลงอย่างรวดเร็วลงที่ 2682 ดอลลาร์จาก 2957 ดอลลาร์ ภายในเวลาสองวัน CCN ได้รายงานว่า เศรษฐีอย่าง Mark Cuban ได้บอกว่าราคา Bitcoin นั้นใกล้จะเป็นฟองสบู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นและเงินดิจิตอลก็มีกระแสที่แรงขึ้น ซึ่งตอนนี้มีราคาที่ 2831 ดอลลาห์และยังปรับตัวขึ้นต่อไป
Mourdoukoutas ก็มีความเห็นที่คล้ายกับ Cuban โดยบอกว่าราคา Bitcoin จะตกลงหลังจากพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้กลับไม่คิดว่าตอนนี้เงินดิจิตอลนั้นจะยังไม่เป็นฟองสบู่ Mourdoukoutas ยังกล่าวว่าเงินดิจิตอลยังทำให้คนมากมายกลายเป็น “เศรษฐีชั่วข้ามคืน” ผู้คนมากมายลงทุนกับ Bitcoin ในขณะที่ยังมีราคาน้อยกว่าปัจจุบัน เขาบอกว่าการที่ Bitcoin มีราคาพุ่งสูงจะทำให้มีเศรษฐีเกิดขึ้นมากมายก่อนที่ราคาจะปรับตัวลง
Mourdoukoutas กล่าวว่า เหตุผลนึงที่การลงทุนของเงินดิจิตอลพุ่งสูงขึ้น “สภาพการที่ดอกเบี้ยมีอัตราที่ต่ำมาก” ทำให้การเทรด Bitcoin นั้นอยู่ในจุดที่น่าสนใจมาก และยังมีผลจากการที่ความน่าเชื่อถือในสกุลเงินในปลายๆประเทศตกลง รวมถึงการพยายามร่างกฏข้อบังคับของเงินดิจิตอลทำให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนมากขึ้น
Mourdoukoutas บอกว่า หนึ่งในสิ่งที่เกิดขึ้นคือนโยบายคือเมื่อรัฐบาลออกพันธบัตรตั๋วเงินคลังใหม่ในอัตราต่ำเป็นประวัติการณ์เพื่อให้ครอบคลุมหนี้เก่ากับหนี้ใหม่ ตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่นขายทรัพย์สินทร์ที่รัฐแทบจะไม่ได้อะไรเลย ทำให้เกิดหนี้ขึ้นประเทศประมาณ 250 % ของ GDP ศาสตราจารย์กล่าวว่าเงินทุนของจีนของจีนมี “อะไรบางอย่าง” ถึงแม้ว่าไม่มีใครรู้จำนวนเงินที่แน่นอนของ “หนี้ทางการ” ของจีน
ปละเมื่อเกิดหนี้จำนวนมหาศาลที่เชื่อมโยงกันระหว่างหยวนและเยน ทำให้นักลงทุนเสียความเชื่อถึอ และเนื่องจาก Bitcoin นั้นปรับตัวสูงขึ้นถึง 125 % ตั้งแต่ปี 2016 ผู้คนมากมายในเอเชียจึงเลือกจะลงทุนในเงินดิจิตอล
ศาสตราจารย์บอกว่ายังมีเรื่องนโยบายของรัฐบาล ที่ทำให้ความเชื่อถือในสกุลเงินของชาตินั้นปรับตัวลดลง และยังมีความพยายามกำจัดเงินสกุลเก่าทิ้งใน India และ Venezuela ทำให้ Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้น
ศาสตราจารย์ยังกล่าวอีกว่าข้อได้เปรียบอย่างนึงของ Bitcoin คือมันกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าของอย่างอื่นเช่นทองคำ และยังกล่าวอีกว่าผู้คนยุค millennial เป็นผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดของเงินดิจิตอลเนื่องจากมีความเข้าในในมันมากกว่าคนยุค baby-boomer
“มันต่างจากทองคำตรงที่เป็นสื่อกลางที่สะดวกกว่าในการใช้จ่ายทั่วโลก”
ศาสตราจารย์กล่าวว่า Bitcoin นั้นมีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งมันก็เหมือนทองคำ ซึ่งถ้ามูลค่ามันมากขึ้นก็ทำให้มันเป็นแรงจูงใจให้คนขุดทองเข้ามาขุด
สุดท้ายแล้ว Mourdoukoutas กล่าวว่าการที่นักลงทุนสนใจใน Bitcoin นั้นมีส่วนช่วยให้วงการเงินดิจิตอลนั้นปรับตัวสูงขึ้น มีนักลงทุนคุ้นเคยกับเงินดิจิตอลมากขึ้น และยังก็สามารถใช้กระดานเทรดในการเข้าสู่วงการนี้อย่างง่ายดาย
ความเห็นจากทีมงาน
จริงต้องยอมรับว่าภายในไม่กี่เดือนมานี้ตลาดเงินดิจิตอลปรับตัวสูงขึ้นหลายเท่า ไม่ใช่แค่ Bitcoin เท่านั้นยังรวมถึงเหรียญอื่นๆเช่น Ethereum นั้นปรับตัวสูงขึ้นถึง 800% นับจากเดือนเมษายน ซึ่งหากนักลงทุนคนไหนที่ได้ศึกษาและเลือกลงทุนกับมันก็น่าจะทำกำไรจากมันได้มหาศาลซึ่งทางทีมงาน Siam Blockchain ก็เคยทำโพลสำรวจเกี่ยวกับกำไรที่นักลงทุนทำได้และพบว่าแต่ละคนได้กำไรไปมากพอสมควร
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น