<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ปัญหาความตึงเครียดของสหรัฐฯและเกาหลีเหนือทำให้นักลงทุนหันมาพึ่งเหรียญ cryptocurrency

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปัญหาความตึงเครียดของสหรัฐฯและเกาหลีเหนือทำให้นักลงทุนหันมาพึ่งเหรียญ cryptocurrency

สงครามน้ำลายระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือได้ส่งผลให้ความต้องการของเหรียญ cryptocurrency ในตลาดสูงขึ้น

นาย Ron Chernesky หรือ CEO ของบริษัท InvestFeed Inc., หรือผู้ที่เคยให้บริการระบบเทรด equity ที่ภายหลังได้เปลี่ยนมาให้บริการเทรดเหรียญคริปโต ได้ออกมากล่าวว่านักลงทุนนั้นกำลังเปลี่ยนมาถือเหรียญ cryptocurrency เพื่อกระจายความเสี่ยงของพวกเขาถ้าหากว่าตลาดกระแสหลักกลายเป็นขาลง เขากล่าวว่าเหรียญ cryptocurrency นั้นกำลังคลืบคลานจากตลาด niche มาตลาดกระแสหลักเนื่องจากว่ามีผู้คนเริ่มให้การยอมรับมันมากขึ้น อีกทั้งด้วยความที่มันมีความเกี่ยวข้องและผลกระทบกับ asset ตัวอื่นๆน้อยกว่า

ชาวเกาหลีใต้เริ่มหันมาหา Ethereum

ชาวเกาหลีใต้กำลังหาที่หลับภัยกับ Ethereum โดยโวลลุ่มการเทรดนั้นพุ่งสูงถึง 2.6 พันล้านเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งอัตราการพุ่งของราคานั้นคิดเป็น 60% มากกว่า Bitcoin เสียอีก ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งที่สองที่โวลลุ่มการซื้อขายของ Ethereum แซงหน้า Bitcoin อ้างอิงจาก The South China Morning Post

สาเหตุหลักๆของการพุ่งขึ้นของราคา Ethereum นั้นมาจากการซื้อในประเทศเกาหลีใต้ โดยคู่ KRW/ETH นั้นคิดเป็นราวๆ 40% ของโวลลุ่มการซื้อขาย Ethereum ทั้งหมด ซึ่งทำให้มันเป็นคู่การซื้อขายที่มีโวลลุ่มสูงกว่าตลาดอื่นๆ โดยอ้างอิงจาก Coinmarketcap นั้น เหรียญ Ethereum มีราคาพุ่งไปถึง 4% เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา พุ่งไปถึง 304 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดตั้งแต่รอบเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ตัวแปรอื่นๆ

เหรียญ Bitcoin นั้นได้มีราคาพุ่งทะลุ 4,000 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ช่วงก่อนเที่ยง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ ในขณะที่ราคาของ Ethereum นั้นพุ่งขึ้นมาถึง 30% ในรอบ 4 วัน

ทั้งเหรียญสองอันดับแรกนี้ต่างก็มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างมากในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะ Bitcoin ที่มีการแยกตัวอย่างสำเร็จ

นักลงทุนกำลังหันไปลงทุนเหรียญ cryptocurrency แม้ว่าความผันผวนของ Bitcoin นั้นจะมีมากกว่าทองคำถึง 10 เท่า ผู้เชี่ยวชาญยังมองว่าเหรียญคริปโตนั้นสามารถช่วยปกป้องผู้ใช้งานได้จากรัฐบาลที่จะมายุ่งกับเงินของพวกเขา และรวมถึงยังสามารถช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์เงินเฟ้อได้อีกด้วย

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทำให้ราคา Bitcoin พุ่ง

ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางปี 2016 ที่ผ่านมา นักลงทุนและนักเทรดทั้งในตลาดบนสหรัฐฯและจีนก็ได้เริ่มที่จะมอง Bitcoin เป็น safe haven (สกุลเงินเก็บที่ปลอดภัย) โดยตั้งแต่นั้นมาเมื่อนึกถึงการล่มสลายของเศรษฐกิจและการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล ผู้คนก็มักจะนึกถึง Bitcoin

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินบางคนเชื่อว่าเงิน fiat (เงินธรรมดาทั่วไป) นั้นกำลังใกล้จะถึงจุดถดถอย และสกุลเงินที่มีความเป็น decentralized อย่างเช่น Bitcoin และเหรียญ cryptocurrency อื่นๆนั้นจะมาทำให้วงการการเงินโลกสั่นคลอน

ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังแนะนำให้ใช้ Bitcoin เป็นตัวช่วยป้องกันความเสี่ยงในการลงทุน (hedge) อีกด้วย

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น