<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สหภาพยุโรปเดินตามรอยสหประชาชาติ ใช้ Blockchain ของ Ethereum เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัย

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สหภาพยุโรป (European Union) ได้ลองทำตามสหประชาชาติในการใช้เทคโนโลยี Blockchain ของ Ethereum เพื่อช่วยเหลือผู้อพยพในด้านความโปร่งใส

รายละเอียดจากการประชุมล่าสุดของรัฐสภายุโรปในสัปดาห์ที่แล้วได้เผยให้เห็นว่ากลุ่มนักพัฒนา Dedicated Distributed Ledger (DLT) ที่พวกเขาเคยก่อตั้งก่อนหน้านี้เพื่อโปรเจคด้านเทคโนโลยี Blockchain ได้ใช้งบประมาณรัฐไปแล้วถึงครึ่งของ 850,000 ยูโร

ซึ่งเอกสารโปรเจคล่าสุดของกลุ่มดังกล่าวนี้ได้มีการอธิบายถึงการช่วยเหลือผู้อพยพอีกด้วย

“เคสการทดสอบการใช้ที่ควรจะถูกศึกษานั้นคือแนวทางของ DLT ในการหาวิธีการด้านการบริหาร 10 วิธีมาปรับใช้ผู้อพยพ” อ้างอิงจากเอกสาร และยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า

“มีผู้อพยพเป็นจำนวนมาก และรวมถึงผู้คนที่มีลักษณะสถานะเป็นเหมือนกับผู้อพยพนั้นกำลังประสบปัญหาไม่สามารถที่จะเข้าถึงสวัสดิการต่างๆได้เนื่องจากการไร้ตัวตนของพวกเขา”

ที่น่าสนใจคือ ในเอกสารนั้นยังมีการอธิบายถึงการนำเอาเทคโนโลยี Blockchain ของ Ethereum ที่จะสามารถถูกนำมาปรับใช้เพื่อช่วยยืนยันเอกสารและตัวตนของผู้อพยพที่เดินทางเข้ามาในยุโรปได้

“[…] ทางรัฐสภายุโรปได้ทำการเซ็นสัญญาหุ้นส่วนกับองค์กรในประเทศอื่นๆ (เช่น NGO) และต้องการเสาะหานวัตกรรมและแนวทางใหม่ๆเพื่อนำมาจัดการการอพยพของผู้อพยพที่เข้ามาจากหลายๆประเทศ” กล่าวเพิ่มโดยรัฐสภายุโรป

“แอพ DLT จะสามารถช่วยให้การทำงานดังกล่าวราบรื่นขึ้น เนื่องจากสถาปัตยกรรมที่เป็น decentralized และมีความยืดหยุ่น”

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ ทางสหประชาชาติได้มีแผนการในการใช้ Blockchain ของ Ethereum ในการช่วยเหลือผู้อพยพชาวซีเรียมาแล้ว

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

เทคโนโลยี Blockchain สามารถถูกใช้เพื่อบันทึกข้อมูลส่วนตัวของผู้อพยพได้

Ethereum นั้นดูเหมือนว่าจะมีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดมากในช่วงนี้ โดยเฉพาะการได้รับการสนับสนุนจากธนาคารหนึ่งในประเทศรัสเซีย

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา หนึ่งในสมาชิกของ Ethereum Foundation ได้เซ็นสัญญาหุ้นส่วนกับธนาคารพัฒนารัฐวิสาหกิจ VEB โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยพัฒนาด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับ Blockchain และ Ethereum ให้กับบุคลากรของรัฐ

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าบริษัทสตาร์ทอัพเมื่อก่อนหน้านี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ได้มีการนำเอาเทคโนโลยี Blockchain มาใช้เพื่อลงทะเบียนผู้อพยพ โดยเฉพาะเมื่อช่วงปี 2015 นั้น BitNation ได้ประสบความสำเร็จในการจดบันทึกชาวอพยพคนแรก ในขณะที่รัฐบาลนั้นยังทำงานได้อย่างล่าช้า

“ปัญหาด้านผู้อพยพในยุโรปนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ และจะเป็นแบบนี้ไปอีกหลายปีเมื่อมีผู้อพยพนับล้านคนที่ไร้ประเทศอยู่อาศัย, ไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้, หรือแม้แต่หางานทำได้โดยสุจริต” กล่าวโดยนาง Susanne Tarkowski-Tempelhof หรือผู้ก่อตั้งของ BitNation

“มันยังมีปัญหาที่ต้องสะสางอีกมาก ทางรัฐบาลไม่มีทางทำมันแน่นอน เพราะพวกเขาตกอยู่ในปัญหาด้านการเมืองทุกๆครั้งที่มีเรื่องของผู้อพยพมาเกี่ยวข้อง”

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น