<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

“Bitcoin ยังไม่ถึงจุดจบ” กล่าวโดยผู้ก่อตั้งสยามบล็อกเชน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาราคาบิทคอยน์ได้ร่วงอย่างหนักหลังจากที่ได้ไปทำ New High ไว้ที่ 5,000 ดอลลาร์ และตกลงไปถึง 3,000 ดอลลาร์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากความไม่แน่นอนในจีนจากการที่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะระงับการระดมทุนแบบ ICO ชั่วคราว รวมถึงการหยุดให้บริการของของเวปเทรดอย่าง ViaBTC และ BTCC แม้จะยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลจีนถึงข้อเท็จจริงที่แน่ชัด ทว่าเว็บเทรดดังกล่าวก็ชิงประกาศปิดไปก่อนแล้ว

ราคา Bitcoin ได้ตกลงหลังจากความไม่แน่นอนในประเทศจีน

และหลังจากนั้นไม่นานนาย Jamie Dimon หรือผู้บริหารระดับสูงของ JPMorgan ก็ได้ออกมากล่าวว่าบิทคอยน์เป็นเรื่องไร้หลอกลวงไร้สาระถึงแม้ว่าตัวบริษัท JPMorgan นั้นก็เป็นพาร์ทเนอร์กับ Ethereum Enterprise Alliance ที่เป็นกลุ่มองกรณ์ที่ผลักดันเงินดิจิตอลที่ชื่อว่า Ethereum และเทคโนโลยีเบื้องหลังของมัน จนทำให้นาย Alex Gurevich หรืออดีตผู้บริหารระดับสูงของ JPMorgan ออกมากล่าวโต้กลับ Jamie Dimon โดยบอกว่านาย Jamie Dimon ไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีและให้หุปปากเกี่ยวกับการเทรด Bitcoin ไปซะ

ราคา Bitcoin ในช่วงเหตุการ์ Segwit2x ที่ตกลงอย่างรุนแรงและดีดตัวหลังจากสถานการณ์กลับมาปกติ

การที่ Bitcoin ราคาตกครั้งนี้เป็นหนึ่งในครั้งที่ราคาตกรุนแรงที่สุดหลังจากเหตุการณ์ Segiwit2x ที่ราคาของ Bitcoin ร่วงจากราคาราวๆ 2700 ดอลลาห์ไปอยู่ที่ 1,900 ดอลลาห์ภายในหนึ่งอาทิตย์ซึ่งเกิดจากความไม่แน่นอนภายในผู้พัฒนา Bitcoin ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปด้วยดีราคา Bitcoin ก็ได้ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆจะไปถึง New High ที่ 5000 ดอลลาห์

ซึ่งการตกของราคา Bitcoin ครั้งนี้ก็ได้มีผู้กังวลว่าหรือว่านี่จะเป็นจุดจบขอบ Bitcoin หรือเปล่า โดยสถานีโทรทัศน์ TNN24 นั้นต้องการจะเจาะลึกประเด็นนี้ว่ามันเป็นจุดจบแบบที่คนส่วนใหญ่กำลังกังวลกันหรือไม่

โดยคุณ สุจิตรา กิไพโรจน์ หรือคุณเปิ้ล ผู้สื่อข่าวสำนัก TNN24 ก็ได้ติดต่อนาย จิรบูรณ์ นาคทอง หรือคุณบีม ผู้ก่อตั้ง Siam Blockchain โทรศัพท์ผ่านทาง Video call เพื่อสอบถามเกี่ยวกับประเด็นที่ราคาร่วงลงดังกล่าว

“ปัจจัยหลักอยู่ที่เทคโนโลยี Blockchain กับความเป็น Decentralized ที่ตราบใดยังมีคนเชื่อถือมันอยู่ ผมว่าการที่ราคามันจะตกไปเหลือ 0 เนี่ยมันน้อยมาก”

และคุณบีมยังได้ให้ข้อมูลอีกว่าจีนเป็นประเทศที่มีการใช้ Bitcoin ถึงร้อยละ 20 จากทั่วโลกซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่าแล้วก็มี Volumn ต่อวันอยู่ที่ 9,108 ล้านบาทต่อวันและแม้จะมีการประกาศห้าม ICO และมีการหยุดให้บริการของเวปเทรดแต่ก็ยังไม่มีประกาศเป็นทางการว่าการใช้เงินดิจิตอลในจีนเป็นเรื่องผิดกฏหมายในปัจจุบันยังใช้งานได้อยู่

“ตลาดคริปโตเคอเรนซี่งในจีนนั้นกินส่วนแบ่งการตลาดเยอะมาก และมันมีความละเอียดอ่อนต่อข่าวมาก โดยเฉพาะข่าวจาก Regulator หรือจากรัฐบาล ซึ่งทั้งที่รัฐบาลยังไม่ออกมาประกาศเป็นทางการว่าเค้าจะระงับการซื้อขาย หรือจะปิดเวปเทรด และเวปเทรดก็ออกมายืนยันว่ายังไม่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”

โดยการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวมีขึ้นเมื่อช่วงประมาณบ่ายโมงของเมื่อวาน ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ทางเว็บเทรดจะออกมาประกาศปิดตัวประมาณช่วงเย็นๆ

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

โดยในทางฝั่งไทยราคา Bitcoin ในเวปเทรด Bx ได้ร่วงลงมาอยู่ที่ 100,000 บาทเมื่อ 6 โมงเย็นที่ผ่านมาก่อนจะดีดขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 120000 บาทอย่างรวดเร็ว ซึ่งสถาณการณ์ที่เกี่ยวกับเงินดิจิตอลในประเทศไทยตอนนี้นั้น ไม่ได้มีการระงับการระดมทุน ICO เช่นเดียวับจีนซึ่งแม้ว่ามันจะยังไม่ถูกกฎหมายแต่ทาง ก.ล.ต. ก็ได้ออกมาให้สัญญาณที่ค่อนข้างเป็นบวกเกี่ยวกับวิธีการระดมทุนนี้ แต่ก็ได้มีการเตือนถึงเรื่องความเสี่ยงเช่นกัน และการซื้อขายและใช้เงินดิจิตอลในประเทศไทยนั้น แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีกฎหมายยอมรับ แต่การใช้งานมันนั้นก็ไม่ได้เข้าข่ายผิดกฎหมายในประเทศไทย

โดยเรื่องประเด็นเรื่องมูลค่าที่แท้จริงของ Bitcoin นั้นได้เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมากมายจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ บ้างก็ว่าประโยชน์ใช้สอยมันไม่ได้เยอะขนาดนั้น บ้างก็ว่าราคาเฟ้อและจะเป็นฟองสบู่ แต่ก็มีเสียงอีกด้านจากผู้เชี่ยวชาญมากมายว่าราคามันจะยังไปต่อได้อีกเรื่อยๆ ซึ่งแม้ประโยชน์ของการ Bitcoin ที่มันเอาไปซื้อสินค้าและบริการนั้นอาจจะยังน้อยในสายตาหลายๆคน

แต่สิ่งหนึ่งที่ปฎเสธไม่ได้เลยคือ Bitcoin กลายเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนซื้อขายเงินดิจตอลสกุลอื่นๆ ซึ่งเงินดิจิตอลสกุลอื่นๆนั้นก็มีไอเดียและรูปแบบธุรกิจที่ต่างกันออกไป ซึ่งมันกำลังสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับธุรกิจเงินดิจิตอล ทำให้มูลค่าของ Bitcoin แฝงไปกับเงินดิจิตอลที่มีอยู่กว่า 800 สกุล ซึ่งหาก Bitcoin ที่เป็นตัวกลางนั้นจะถึงจุดจบ ก็เท่ากับว่าเงินดิจิตอลสกุลอื่นๆและธุรกิจ Blockchain จะต้องล้มไปทั้งหมดก่อนหรือว่าเลิกใช้ Bitcoin เป็นสื่อกลางในการซื้อขาย

Bitcoin ตายมา 160 ครั้งแล้ว

เว็บ 99Bitcoins ได้มีการเก็บสถิติที่มีนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเคยออกมาประกาศว่า “Bitcoin นั้นตายแล้ว”​ หรือในลักษณะใกล้เคียง โดยในปัจจุบัน ตัวเลขนั้นอยู่ที่ 160 ครั้งรวมกัน โดยมีเริ่มครั้งแรกตั้งแต่ปี 2010 ตอนที่นิตยสาร Economist ออกมาอธิบายสาเหตุที่พวกเขาเชื่อว่า Bitcoin จะไม่สามารถเป็นสกุลเงินได้ ซึ่งในตอนนั้น Bitcoin มีราคาอยู่เพียงแค่ 0.23 ดอลลาร์เท่านั้น

ที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือช่วงต้นปี 2015 ซึ่งเป็นช่วงที่ Bitcoin พุ่งลงไปถึงจุดต่ำสุดในรอบปีที่ราวๆ 180 ดอลลาร์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงที่ต่างคนก็ออกมาพูดและตั้งคำถามในทำนองเดียวกันว่า Bitcoin นั้นได้ถึงจุดจบแล้ว แต่ในภายหลังจากนั้น Bitcoin ก็ได้พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าพวกเขานั้นคิดผิด

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

เมื่อช่วงเช้านี้คุณยุทธวิธี หรือเจ้าของกลุ่ม Crypto Trading Club ได้ออกมาโพสกราฟและทำนายว่าราคาของ Bitcoin นั้นมีโอกาสที่จะไต่ไปถึงระดับ 6,000 ดอลลาร์ ที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังจากการแตะจุดต่ำสุดที่ 3,000 ดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็ได้ออกมาคาดการณ์ไว้ว่าราคาจะร่วงลงมาถึงจุดดังกล่าวตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมาแล้ว

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น