ณ ชั่วโมงนี้ดูเหมือนว่าเหรียญราชาอย่าง Bitcoin จะเรียกเอาโวลลุ่มคืนจากเหรียญ altcoin อื่นๆในตลาดมาทั้งหมด ด้วยการมีส่วนแบ่งการตลาดของมูลค่าตลาดรวมทั้งหมดถึง 52% ซึ่งคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 81.6 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักๆนั้นก็ดูเหมือนว่าจะหนีไม่พ้นปัจจัยเรื่องการ hard fork ที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้
เมื่อวานนี้ทางสยามบล็อกเชนได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับปัจจัยที่จะทำให้ราคาของ Bitcoin นั้นกลับไปหาจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์เก่าที่ 5,000 ของเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยได้อธิบายถึงปัจจัยหลักๆสี่ข้อ แต่หนึ่งในนั้นก็คือการแก้ปัญหาการ scaling ของเครือข่าย Bitcoin ที่จะช่วยให้การส่งหาเหรียญดังกล่าวหากันมีความเร็วขึ้น และมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลงผ่านการ hard fork แยกตัว chain ที่เรียกว่า SegWit2x ที่จะมีการผนวกเอาโค้ด SegWit มารวมกับการเพิ่มขนาดบล็อกเก็บข้อมูลธุรกรรมให้เป็น 2MB
ทว่าการ hard fork ที่ทำอยู่บนตัว chain ของ Bitcoin นั้นหมายความว่าผู้ที่ถือเหรียญดังกล่าวก่อนการแยกตัวของ blockchain นั้นจะได้รับเหรียญ Bitcoin ของ SegWit2x (หรือ BC2) มาแบบฟรีๆ เหมือนกับคราวของ Bitcoin Cash ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว
เมื่อมีคนรู้มากขึ้น พวกเขารู้ดีว่าไม่ควรที่จะทำความผิดพลาดซ้ำสอง โวลลุ่มจากเหรียญ altcoin ต่างก็ไหลเข้ามาหา Bitcoin มากขึ้น ส่งผลให้เหรียญอื่นๆราคาตก และของ Bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างเป็นจำนวนมาก
โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ 4,928 ดอลลาร์ อ้างอิงจาก Coinmarketcap และดูเหมือนว่ากำลังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง
ตลาดไทยตามหลังเช่นเคย
ราคา Bitcoin บนตลาดกระดานแลกเปลี่ยนอันดับ 1 ของไทยอย่างเช่น Bx ได้มีโวลลุ่มที่เพิ่มขึ้นมาเช่นกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้ผู้ก่อตั้งเว็บดังกล่าว David Barnes จะออกมาประกาศถึงความไม่แน่นอนในช่วง hard fork และแนะนำใหัผู้ใช้งานที่ต้องการจะถือเหรียญ SegWit2x และ Bitcoin Gold โอน Bitcoin ของพวกเขาออกจากเว็บไปเข้ากระเป๋าตัวเองก็ตาม
ขณะนี้บนเว็บ Bx ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ 160,955 (4862.6 ดอลลาร์) ซึ่งตามหลังตลาดโลกอยู่ประมาณ 3,000 กว่าบาท และมีโวลลุ่มการซื้อขายอยู่ที่ 325.58 BTC
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
ส่วนตลาดเกิดใหม่ฝีมือคนไทยอย่าง TDAX นั้นก็มีการขยับขึ้นมาของราคา BTC เช่นกัน โดยในขณะนี้อยู่ที่ 159,638.70 บาทต่อ 1 BTC ซึ่งตามหลัง Bx อยู่แค่พันกว่าบาทเท่านั้น และมีโวลลุ่มการซื้อขายอยู่ที่ 9.49 BTC
ก่อนหน้านี้ราคาของเหรียญดังกล่าวต้องพบกับ correction อย่างรุนแรงทำให้ราคาร่วงลงมาทะลุ 3,000 ดอลลาร์หลังจากการประกาศแบน ICO และเว็บเทรดในประเทศของรัฐบาลจีน และรวมถึงการกล่าวโจมตีของนาย Jamie Dimon หรือ CEO ของ JPMorgan Chase ด้วย ทว่า Bitcoin ก็ได้แสดงให้พวกเขาเห็นแล้วว่าไม่มีอะไรสามารถมาหยุดเทคโนโลยีที่หลายๆคนเชื่อว่าจะมา disrupt ระบบการเงินของโลกได้จริงๆ
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น