<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ราคาของ Bitcoin ร่วงต่ำกว่า 7,000 ดอลลาร์ Bitcoin Cash พุ่ง 40% ทำ New High

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ราคาของ Bitcoin ยังคงร่วงลงไปอย่างต่อเนื่องจากเมื่อวาน ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางการประกาศระงับการ hard fork อย่างไม่มีกำหนด ส่งผลให้มูลค่าของเหรียญดังกล่าวร่วงลงมาทะลุแนวรับที่ 7,000 ดอลลาร์ ในขณะเดียวกันราคาของ Bitcoin Cash หรือเหรียญโคลนนิ่งจากเหรียญของแท้ดั้งเดิม Bitcoin ได้มีอัตราการพุ่งของราคาขึ้นไปแตะ 40% ตามมาด้วยการ hard fork ที่ทางนักพัฒนาออกมาประกาศว่าพวกเขาจะเคลมชื่อ ‘Bitcoin’ มาให้ได้ภายใน 6 เดือน

แม้ว่าราคาของ Bitcoin Cash จะพุ่งขึ้นไปอย่างรุนแรง แต่มูลค่าตลาดรวมของ Cryptocurrency ทั้งหมดก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยร่วงลงมาจาก 206.3 พันล้านดอลลาร์จากเมื่อวันพฤหัสฯไปสู่ 200 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน

ราคา Bitcoin ร่วงต่ำกว่า 7,000 ดอลลาร์

ราคาของเหรียญราชาได้มีอัตราการร่วงลงมาเป็นเวลาติดต่อกันในวันที่สอง ซึ่งร่วงลงมามากกว่า 5% สู่ 6,781 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมของ Bitcoin ร่วงลงไปอยู่ที่ 113 พันล้านดอลลาร์ และส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลงเหลือ 56.3%

สาเหตุหลักๆน่าจะมาจากการที่ทางนักเก็งกำไรก่อนหน้านี้มองว่าการซื้อ Bitcoin จะส่งผลทำให้ได้เหรียญ hard fork ตัวใหม่ Bitcoin2X หรือ SegWit2x มาแบบฟรีๆ ทว่าเหตุการณ์ดังกล่าวก็ถูกระงับไปเรียบร้อยแล้ว ส่งผลทำให้ผู้คนเทขายกัน

ยิ่งไปกว่านั้น การระงับการ hard fork ส่งผลทำให้กลุ่มชุมชนของ Bitcoin ต้องรู้สึกโล่งออกไปตามๆกัน การยกเลิก SegWit2x ที่ถือเป็นตัวอัพเกรดการ scaling ตัว blockchain ของ Bitcoin ที่ช่วยแก้ปัญหาการโอนหากันช้าที่บางคนเชื่อว่าต้องมี แต่กระนั้นไม่ว่าจะเป็นการอัพเกรดแบบ on-chain หรือ off-chain ก็แล้วแต่ ค่าธรรมเนียมที่พุ่งสูงขึ้นในปัจจุบันถือเป็นปัญหาของเหรียญดังกล่าวอย่างแท้จริง

ราคาของ Bitcoin Cash พุ่งทะลุ 990 ดอลลาร์

ในขณะที่ราคาของ Bitcoin กำลังไต่ลงบันได้นั้น ราคาของ Bitcoin Cash ได้มีอัตราการพุ่งขึ้นที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก โดยจากเมื่อวานนี้ ราคาของมันได้พุ่งขึ้นไปกว่า 42.48% จาก 629 ดอลลาร์มาสู่ 992 ดอลลาร์ในตอนนี้ ซึ่งส่งผลทำให้มูลค่าตลาดรวมของมันแตะ 13.9 พันล้านดอลลาร์ และพุ่งทะลุจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ของเดิมที่ 914 ดอลลาร์จากเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

สาเหตุหลักๆน่าจะมาจากความล้มเหลวของการอัพเกรด SegWit2x ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานเชื่อว่าการยกเลิกการ scaling ของ Bitcoin ถือเป็นเรื่องที่ไม่ดี และ Bitcoin Cash จะสามารถเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เมื่อวานนี้นาย Tom Zander หรือนักพัฒนาของโปรเจค Bitcoin Classic ได้ออกมาประกาศปิดตัวโปรเจ็คดังกล่าวแล้ว และหันไปสนับสนุน Bitcoin Cash แทน พร้อมกับกล่าวว่าความล้มเหลวของ SegWit2x นั้นก็ไม่ต่างจากการตอกตะปูฝาโลงให้กับ Bitcoin และ Bitcoin Classic นั้นก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว “ในอีก 6 เดือนเราจะเอาคำว่า Cash ออกและเรียกมันว่า Bitcoin” เขากล่าว เพื่อมาแทนที่ Bitcoin ตัวต้นตำรับของเดิมที่มีมาตั้งแต่ปี 2009

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น