<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นาย Novogratz ไม่สนฟองสบู่ กล่าวราคา Bitcoin จะพุ่งถึง $40,000 เดือนธันวาคมปี 2018

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อประวัติศาสตร์ต้องจารึกการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ที่ทะลุระดับ 10,000 ดอลลาร์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันมันเป็นที่เห็นได้ชัดว่าใครกำลังมองว่ามันเป็นฟองสบู่ และใครกำลังมองว่าเป็นอนาคต

ด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงจากในช่วงของปีที่แล้วมาถึงปัจจุบันทำให้ใครๆหลายคนกลายเป็นมหาเศรษฐีเงินล้านภายในระยะเวลาแค่ไม่ถึงปี แต่ในเดือนพฤศจิกายนเดือนเดียวนี้ได้ทำให้เราได้เห็นสถาบันนักลงทุนและกลุ่มคนธรรมดาจากกระแสหลักทั่วๆไปหันมาหาตลาดดังกล่าวกันมากขึ้น

สาเหตุหลักๆนั้นมาจากการประกาศเปิดให้บริการซื้อขายตลาด Bitcoin Futures โดย Chicago Mercantile Exchange (CME) ที่จะมี JPMorgan Chase เข้ามาร่วมลงทุนด้วย และนอกจากนี้ก็ยังมีธนาคารที่ใหญ่ระดับโลกรีบกระโดดเข้ามาในตลาดนี้อีกมากมายเนื่องจากว่าไม่อยากจะพลาดรถไฟขบวนนี้ไป แต่กระนั้นก็ยังมีกลุ่มคนบางคนที่ไม่สนใจการทำกำไรและไม่ชอบ cryptocurrency และได้ออกมากล่าวโจมตีมัน

หนึ่งในนั้นคือนาย Jamie Dimon หรือ CEO ของ JP Morgan ที่กล่าวว่า Bitcoin คือสิ่งหลอกลวง

นอกเหนือจากนั้น นักลงทุนชื่อดังและนักวิเคราะห์หลายๆคนก็ได้หันมาเข้าข้าง cryptocurrency อย่างเต็มที่

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมหาเศรษฐีผู้จัดการกองทุนนาย Mike Novogratz ได้กล่าวว่าสถาบันนักลงทุนเป็นจำนวนมากที่มีเม็ดเงินมหาศาลกำลังรีบเข้ามาลงทุนในตลาด Bitcoin

7 วันหลังจากการออกมาแสดงความเห็นของนาย Novogratz ราคาของ Bitcoin ได้เพิ่มขึ้นไปอีก 1,000 ดอลลาร์ ทะลุก้าวข้ามผ่าน 9,000 ดอลลาร์ และยังอยู่ในระดับ 10,000 ดอลลาร์

การ correction

ท่ามกลางการขึ้นอย่างบ้าคลั่งของราคา Bitcoin นี้ทำให้หลายๆคนก็ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับฟองสบู่ของมัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นาย Novogratz หยุดการทำนายราคา Bitcoin ของเขาที่คาดว่าจะไปถึง 40,000 ดอลลาร์ในอีก 12 เดือนได้ อ้างอิงจากรายการ Fast Money show ของ CNBC

“ราคาของ Bitcoin น่าจะขึ้นไปอยู่ที่ 40,000 ดอลลาร์แบบง่ายๆเลย ในช่วงปลายปี 2018 ในขณะที่ราคาของ Ethereum ที่เพิ่งจะแตะ 500 ดอลลาร์หรือกำลังเข้าไปใกล้ น่าจะเพิ่มขึ้นไปอีกสามเท่าด้วย”

นาย Novogratz กล่าวว่าด้วยการที่จำนวนเหรียญทั้งหมดของ Bitcoin มีอยู่แค่ 21 ล้านเหรียญทำให้มันไม่มีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ นอกจากนี้ความสามารถด้านการ scaling ในอนาคตจะเป็นปัจจัยเสริมด้านการโตของมันอีกด้วย

“สิ่งที่ทำให้เจ้าเหรียญพวกนี้แตกต่างจากสินค้าทั่วไปก็คือมันไม่มีการตอบสนองทาง supply ดังนั้นมันจึงเป็นสวรรค์นักเก็งกำไรที่พวกเขาซื้อแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมี supply ใหม่ๆผุดขึ้นมาหลังจากนี้ ดังนั้นการเคลื่อนไหวของราคาจึงแลดูเวอร์มาก มันจะดูเวอร์ไปแบบนี้ตลอดเรื่อยๆ มันจะมีการ correction ถึง 50% และราคามันก็จะร่วงแบบเวอร์ด้วยเช่นกัน”

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น