<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

บริษัทบัตรเครดิตระดับโลก Visa ได้ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้าน Cryptocurrency อีกแห่งแล้ว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ยักษ์ใหญ่แห่งระบบการชำระเงินอย่าง VISA ได้ทำการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตเป็นครั้งที่สองแล้วในวันนี้ โดยได้เป็นหัวหอกในการลงทุนในการระดมทุนรอบแรกของทางบริษัทด้านการดูแลสินทรัพย์คริปโตอย่าง Anchorage รวมเป็นเงินในรอบแรกกว่า 40 ล้านดอลลาร์ อ้างอิงจากนิตยาสาร Fortune

การระดมทุนครั้งแรกนี้ยังมีบริษัทอื่นที่ร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าวอีกอย่างเช่น บริษัทด้านการลงทุนในรูปแบบ Venture Capital อย่างเช่น Blockchain Capital ซึ่งได้เคยมีโครงการร่วมทุนที่สามารถระดมทุนได้มากถึง 17 ล้านดอลลาร์ร่วมกับบริษัทอย่าง Andreessen Horowitz อีกด้วย

อย่างไรก็ตามตัวเลขเงินลงทุนสุทธิทั้งในส่วนของบริษัท VISA และในส่วนของมูลค่าทุนโดยรวมของทางบริษัท Anchorage นั้นยังไม่ได้รับการเปิดเผยแต่อย่างใด ซึ่งมีข้อน่าสังเกตคือการที่ทั้งสองบริษัทนั้นต่างเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทผู้ก่อรวมทุนในโครงการ Libra ของบริษัท Facebook ด้วยนั่นเอง

บริษัท VISA ยังได้เคยมีการลงทุนในบริษัทด้านคริปโตมาก่อนแล้วกว่า 30 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี Blockcahin ในชื่อ Chain โดยบริษัทดังกล่าวยังได้รับการลงทุนจากบริษัทชื่อดังอื่นๆอีกเช่น Nasdaq และ Citi เป็นต้น อย่างไรก็ตามในช่วงปลายปี 2018 นั้นบริษัทดังกล่าวได้ถูกซื้อโดยบริษัท Lightyear

ทั้งนี้ยังได้มีการเปิดเผยข้อมูลอีกว่าเงินจำนวนดังกล่าวนี้จะถูกนำไปเป็นทุนในโครงการสร้างนวัตกรรมที่จะมาเป็นทางเลือกใหม่ๆนอกเหนือจากการเก็บรักษาเหล่าสินทรัพย์คริปโตของลูกค้าของพวกเขาแทนที่การใช้ Cold Storage แบบเดิมๆ ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกมาตรการดังกล่าวแล้วทางบริษัทยังได้ใช้มาตรการอื่นอีกเช่นการผสมผสานการตรวจสอบโดยมนุษย์และโปรแกรมซึ่งกันและกัน ทั้งยังนำระบบ Biometrics มาใช้อีกเป็นต้น

ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ ทางบริษัทยังได้มีการประกาศถึงแผนการตลาดของพวกเขาในการนำเสนอแผนการประกันภัยระบบเก็บรักษาสินทรัพย์คริปโตให้กับลูกค้าของพวกเขา ซึ่งประกันภัยดังกล่าวนั้นเป็นรูปแบบของการประกันการถูกโจรกรรมทั้งตัว Hot Storage และ Cold Storage

สำหรับบริษัท VISA นั้น ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้มีการเปิดให้บริการระบบเครือข่ายการส่งเงินข้ามประเทศในชื่อ “VISA B2B connect” ซึ่งได้มีการทำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในระบบดังกล่าวเช่นกัน

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น