<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

บริษัทด้านการชำระเงินด้วยคริปโตอันดับต้น ๆ ของโลก BitPay ประกาศรองรับ Ethereum แล้ว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บริษัท BitPay นั้นเป็นบริษัทที่ดำเนินการให้บริการระบบการชำระเงินด้วยสกุลเงินคริปโตซึ่งเสมือนเป็นตัวกลางระหว่างธุรกิจและผู้บริโภค ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะสามารถดำเนินธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทบนสกุลเงินคริปโตได้เช่น Bitcoin, Bitcoins cash โดยวันนี้ได้มีการประกาศถึงการขยายการรองรับเหรียญ Ether เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะรองรับเหรียญ Stablecoin อื่นๆในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ทางบริษัทได้มีการดำเนินการมาตั้งแต่ในปี 2011 ในกว่า 200 ประเทศแล้ว

นอกจากนี้แล้วนาย Vitalik Buterin ซึ่งเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ร่วมก่อตั้งของ Ethereum ได้ออกมาแสดงความตื่นเต้นถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวว่าบริษัท BitPay นั้นกำลังที่จะยกระดับ Ethereum เข้าผสมผสานกับระบบการชำระเงินในระดับโลก โดยได้กล่าวเพิ่มเติมไว้ดังนี้

“การดำเนินการในครั้งนี้นั้นเป็นเสมือนการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆสำหรับเครือข่ายของ Ethereum และด้วยความร่วมมือครั้งนี้เราจะสามารถร่วมกันผลักดันเหล่านักพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมที่จะเข้ามาเชื่อมโยงสกุลเงินคริปโตเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงได้มากขึ้น”

ทาง BitPay ยังได้ออกมากล่าวในบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับสกุลเงินที่อาจเข้ามามีบทบาทในอนาคตไว้ดังนี้

“ทางบริษัทนั้นได้มีการวิเคราะห์สกุลเงินคริปโตและโครงการ Blockchain ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อเพื่อค้นหาสิ่งที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ของบริษัทในการอำนวยความสะดวกให้แก่การชำระเงินทั้งขาเข้าและขาออกของการซื้อสินค้าและบริการ โดยพวกเราได้เลือก Ethereum เนื่องจากสกุลเงินดังกล่าวนั้นมีพื้นฐานที่สำคัญในการสนับสนุนการสร้างแอปพลิเคชั่นใช้จริงอีกทั้งยังได้รับความนิยมในวงกว้างอีกด้วย”

ทั้งนี้ทางผู้บริหารของบริษัท BitPay อย่างนาย Stephen Pair ยังได้ออกมากล่าวถึงเหตุผลการเลือก Ethereum จากฐานการตลาดว่า “Ethereum นั้นเป็นหนึ่งในสกุลเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดและยังได้รับการนำไปใช้โดยบริษัทนับพัน ซึ่งนี่แหล่ะเป็นสิ่งที่เข้าท่าที่สุดแล้ว”

นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้รับการกล่าวอ้างโดยองค์กรสื่อซึ่งไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง Hong Kong Free Press (HKFP) ว่าได้ทำการกันส่วนเงินบริจาคในสกุล Bitcoin ไว้เข้าบริษัทเอง แต่ทั้งนี้ทางบริษัทก็ยังไม่ได้มีการโต้ตอบข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างเป็นทางการแต่อย่างไร 

ที่มา : Coindesk

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น