<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลก Wells Fargo ชี้เหรียญคริปโตของพวกเขาเร็วและถูกกว่า SWIFT

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อย่างที่เรารู้กันดีว่าในตอนนี้ คริปโตเคอเรนซี่ได้เข้ามามีบทบาทในโลกของการเงินเป็นอย่างมากโดยหนึ่งในนั้นก็คือวิธีการส่งเงินข้ามแดนหรือแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศที่ก่อนหน้านี้มีความยุ่งยาก ใช้เวลาเยอะ และต้องผ่านตัวกลางซะส่วนใหญ่ทำให้หลาย ๆ คนไม่อยากที่จะส่งเงินข้ามแดนเท่าไหร่นักเพราะกว่าจะถึงปลายทางมูลค่าของมันก็ลดลงไปเยอะแล้ว จนกระทั้งได้คริปโตเคอเรนซี่และ Blockchain เข้ามาช่วยเหลือดูเหมือนว่าอะไร ๆ ก็จะง่าย สะดวกสบาย และมีราคาค่าธรรมเนียมที่ถูกลงอย่างเห็นได้ชัดจากรณีนี้ 

เมื่อไม่นานมานี้เองบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการธนาคารอย่าง Wells Fargo ได้มีการออกมากล่าวชื่นชมว่า Blockchain ที่ใช้สำหรับการโอนเงินข้ามไปมาระหว่างประเทศนั้นรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่มากกว่า SWIFT หนึ่งในผู้ให้บริการด้านการเงินระหว่างประเทศที่บริษัทชั้นนำทั่วโลกต่างใช้กันมากกว่า 11,000 แห่งด้วยกัน 

โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Well Fargo ได้มีการเปิดตัว เหรียญคริปโตเป็นของตัวเองโดยการใช้ซอฟต์แวร์ Corda Enterprise ของ R3 เพื่อจัดการดูแลธุรกรรมต่าง ๆ ภายใน เมื่อมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากภายในบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีที่อยู่ในธนาคารเดียวกันซึ่งทางด้านของนาง Lisa Frazier หัวหน้ากลุ่มนวัตกรรมของ Wells Fargo ได้ออกมากล่าวถึงความสำเร็จนี้ว่า : 

“เมื่อเราต้องการที่จะย้ายเงินของเราไปมาท่ัวโลก และต้องการที่แลกเปลี่ยนสกุลเงิน พวกเราจึงจำเป็นที่จะต้องหาบุคคลที่ 3 หรือบริการใด ๆ ก็ตามเข้ามาอย่างเช่น SWIFT หรือ ธนาคารอื่น ๆ เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนเงินได้ ซึ่งกว่าที่เงินจะเข้าไปถึงหรือจัดการธุรกรรมเสร็จนั้นกินเวลาที่ยาวนาน เพราะว่าทุก ๆ ครั้งที่พวกเราต้องเชื่อมกับบุคคลภายใน มันมักจะต้องใช้แรงงานที่เยอะ ค่าธรรมเนียมที่แพง และความอดทนในการรอค่อนข้างสูง” 

แน่นอนว่าเงินดิจิตอลที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมาจะช่วยให้ธนาคารของพวกเขาสามารถย้ายเงินทุนได้ 20  ชั่วโมงต่อวันเพิ่มขึ้นจากเพียงแค่ 6 – 9 ชั่วโมงและเปิดเพียงแค่ 5 วันต่อสัปดาห์เมื่อต้องอาศัยบุคคลที่  3 หรือ ธนาคารอื่น ๆ เช่น SWIFT นอกจากนี้นาง Lisa Frazier ยังได้กล่าวกับทาง CoinDesk อีกว่า 

“เงินดิจิตอลนั้นเร็วกว่า SWIFT มาก อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกและมีประสิทธิภาพมากกว่าอย่างแน่นอน”

สำหรับในปัจจุบันการโอนเงินไปมาภายในระหว่างประเทศธนาคารยังจำเป็นต้องใช้ SWIFT อยู่ และยังไม่เคยมีกรณีไหนเกิดขึ้นเลยที่เป็นการทำธุรกรรมระหว่างประเทศโดยไม่ใช้ SWIFT ซึ่งโครงการ Blockchain ที่พวกเขากำลังพัฒนาอยู่นั้นกำลังจะเข้าสู่ระยะนำร่องในปีหน้า และหลังจากสามารถพิจสูจน์ได้แล้วว่าแนวคิดนี้ประสบความสำเร็จซึ่งจะช่วยให้ธนาคารต่าง ๆ สามารถแลกเปลี่ยน Digital Cash ไปมาระหว่างกันได้โดยไม่มีตัวกลางจะจัดเป็นเรื่องที่ส่งผลอย่างมากในโลกของการเงิน 

แต่ไม่ได้มีเพียงแค่ Wells Fargo เท่านั้นที่คิดค้นสกุลเงินดิจิตอลเป็นของตัวเองเพราะคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง JPMorgan ก็มีสกุลเงินเป็นของตัวเองที่ชื่อว่า JPM Coin ซึ่งมีคุณสมบัติที่คล้ายกันเป็นอย่างมากโดยเหรียญของ Wells Fargo จะได้รับการสนับสนุนแบบ 1 ต่อ 1 คล้าย ๆ กับเป็น Stable Coin ระหว่างกัน 

“เราจะถือสกุลเงิน Fiat ดังนั้นทุกคนจะมั่นใจได้ว่าเหรียญของเราจะมีความเสถียรและเราจะสร้างกระเป๋าเงินดิจิตัลขึ้นมาและใช้ในการแลกเปลี่ยนต่อไปในอนาคต”

อย่างไรก็ตามนาง Lisa Frazier ยังได้ออกมากล่าวอีกว่า Wells Fargo ได้เข้าร่วมโครงการต่าง ๆ เพื่อทดสอบ Blockchain ตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งเธอได้อธิบายว่าเป็นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้นและมีธนาคารอื่น ๆ ร่วมทั้งสถาบันการเงินเข้ามามีส่วนร่วมด้วย แต่ว่าอย่างที่ทราบกันดีนั้นธนาคารส่วนใหญ่ไม่ได้มีว่างพอที่จะติดตามหรือให้ความสนใจกับเทคโนโลยีใหม่ที่มีชื่อว่า distributed ledger technology (DLT) มากเท่าที่ควรนัก

“ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งน่าประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อเราค้นพบว่า distributed ledger technology (DLT) มีความน่าสนใจและใช้งานได้จริงในการทำธุรกรรมภายในและมันก็ใช้ลดตัวกลางที่ทำให้เกิดความล่าช้าลงได้จริง ๆ ดังนั้นเราจึงต้องตั้งใจที่จะพัฒนามันเพื่อให้สามารถส่งงานพรมข้ามแดนได้แบบรวดเร็ว และถูกที่สุดอีกด้วย”

โดยโครงการแรก ๆ ที่พวกเขาทำเลยก็คือ Stable Coin ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้ distributed ledger technology (DLT) แบบชำระเงินของ R3 ซึ่ง  Wells Fargo ได้รับใบอนุญาติอย่างถูกต้องในขณะนี้ และเชื่อว่าจะมีแพลตฟอร์มอีกมากที่จะตามมาในไม่ช้า 

ทางด้านของ SWIFT ผู้ให้บริการยักษ์ใหญ่ออกมาปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ อย่างไรก็ตาม Well Fargo พบข้อสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการที่ธนาคารสามารถเชื่อโยงกับเงินดิจิตอลได้จากระบบการชำระเงินภายใน

“Corda Enterprise ของ R3 ได้รับเลือกให้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับเครือข่าย DLT องค์กรแรกของเราไม่ใช่ CordaSettler ที่เป็น Open Source payments ที่ถูกทดสอบโดย Xrp ซึ่งทางด้าน Digital Cash ของ Wells Fargo จะเป็นบริการการชำระเงินภายในซึ่งจะไม่เชื่อมโยงหรือเชื่อมต่อกับโซลูชันเงินสดดิจิตอลอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในตลาดบริการทางการเงินในปัจจุบัน” 

ซึ่งจากกระแสเงินดิจิตอลของ Wells Fargo นั้นได้มีอดีตผู้บริการธนาคารและนักเทรดอย่างนาย Alex Lipton ได้ออกมากล่าวว่าเหรียญของ Wells Fargo มีประโยชน์อย่างมากและช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการภายในธนาคารได้เป็นอย่างดี แต่เขายังมองไม่เห็นว่าจะใช้มันกับเคสอื่น ๆ นอกเหนือจากธนาคารได้อย่างไร 

“ธนาคารใหญ่ ๆ หลายแห่งนั้นย้ำแย่มาก พวกเขาหันไปใช้ SWIFT เหมือนคนอื่น ๆ ทั้งที่จริง ๆ แล้วพวกเขาสามารถทำเหรียญของตัวเองขึ้นมาได้และใช้ทั้งภายในและภายนอประเทศ เงินดิจิตอลเนี่ยละที่จะเข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี” 

จะเหมือนกับ JPM Coin ? 

หลายคนอาจจะคิดว่าเหรียญ Stable Coin ของ Well Fargo อาจดูเหมือนจะเป็น JPM Coin ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างมากที่สร้างขึ้นโดยใช้ Quorum ของ ethereum ที่เน้นความเป็นส่วนตัวซึ่งพัฒนาโดย JPMorgan

แม้ว่าในขั้นต้นจะมีวัตถุประสงค์เพื่อการชำระเงินระหว่างลูกค้าที่คล้าย ๆ กัน แต่สุดท้ายแล้วเหรียญ JPM Coin จะถูกนำไปใช้ในการระดมทุนโครงการ blockchain ขององค์กรเช่นการออกตราสารหนี้แบบออนไลน์ผู้บริหารของ JPMorgan กล่าว

ทางด้านของ Frazier ได้ออกมาบอกว่าจริง ๆ แล้วพวกมันต่างกัน

“ฉันคิดว่าทั้ง 2 เหรียญแตกต่างกันมากกว่า” 

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น