<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

จีนต้องการแทนที่เงินสดด้วยเหรียญ Cryptocurrency ของพวกเขา และดูเหมือนมันอาจได้ผล

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เราปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้เหรียญดิจิทัลกลายเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นจนกระทั่งธนาคารกลางของจีนตัดสินใจสร้างเหรียญคริปโตของตัวเอง

ทั้งนี้ทางประเทศจีนไม่ได้ต้องการสร้างเหรียญเพื่อเอามาไว้เก็บมูลค่าอย่าง Bitcoin หรือเหรียญอย่าง Ethereum ในทางกลับกันจีนต้องการสร้างเหรียญที่จะเอาใช้แทนเงินสด

แล้วมันเป็นยังไง มันจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องมาดูกรณีศึกษาของประเทศต่าง ๆ กัน

ประเทศอินเดียกำลังเลิกใช้ธนบัตรแล้ว

ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2018 นายกรัฐมนตรีของอินเดีย Narendra Modi ได้ออกมาพูดถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ประกาศว่าเงินรูปีจำนวน 500-1000 รูปีจะถูกนำมาแทนที่ด้วยเงินใหม่ ซึ่งชาวอินเดียมีเวลาเพียงแค่ 50 วันที่จะแลกเปลี่ยนมาใช้เงินใหม่ก่อนที่เงินเก่า ๆ จะไม่สามารถใช้งานได้

รัฐบาลกล่าวว่าการที่จะเปลี่ยนมาใช้เงินใหม่เพื่อมุ่งที่จะต่อสู้กับการก่อการร้ายทางการเงินและการฟอกเงิน รวมถึงเพื่อบรรเทาปัญหาการคอรัปชั่น การส่งยา การลักลอบนำเข้า ทั้งนี้ในอินเดีย มีคนหลายคนที่เลือกเก็บธนบัตรไว้ที่บ้านมากกว่านำไปฝากไว้ที่ธนาคาร ส่วนใหญ่เงินพวกนั้นก็เป็นรายได้ที่ถูกกฎหมายของประชาชน แต่สำหรับแหล่งเงินบางอย่างก็เป็นเงินที่มาจากการกระทำผิดกฎหมายหรือมาจากสินบน

ก่อนที่คุณ Modi จะประกาศออกมา เจ้าหน้าที่อินเดียเรียกร้องให้ประชาชนเปิดเผยแหล่งที่มารายได้ของตน และปรับเปรียบพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมสำหรับผู้หลบเลี่ยงภาษี คนที่จ่ายภาษีอย่างโปร่งใสและจ่ายภาษีอีก 45% จะได้รับการยกเว้นจากการลงโทษทางอาญา แต่มันก็ไม่ได้ผ่านสภาให้ออกมาบังคับใช้ได้ ตอนนี้ Modi จึงได้คิดค้นวิธีการต่อสู้กับการก่อการร้ายโดยการสร้างธนบัตรใหม่แต่มันก็ล้มเหลว

จีนต้องการใช้คริปโตแทนเงินสด

ดูเหมือนจีนต้องการที่จะหาเงินใหม่ ๆ มาใช้แทนธนบัตรเช่นกัน เราจะเห็นข่าวออกมาตลอดว่าธนาคารกลางของจีนแอบพัฒนาเหรียญดิจิทัลอย่างลับ ๆ ( DCEP) โดยระบบ Digital Currency Electronic Payment (DCEP) ของจีนนั้นจะใช้ระบบผสมผสาน 2 ระบบเข้าด้วยกันและจะให้บริการแลกเปลี่ยนธนบัตรเป็น DCEP ที่ธนาคารพาณิชย์

ส่วนการทำ KYC นั้นจะทำเฉพาะกับผู้ที่ทำการเทรดเงินสดจำนวนมาก ๆ ส่วนคนที่เทรดเงินสดเป็นเงินดิจิทัลใหม่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนทำ KYC แต่อย่างใด

หัวหน้าสถาบันการวิจัยเงินดิจิทัลของธนาคารกลางคุณ Mu Changchun กล่าวว่าประชาชนไม่จำเป็นที่จะต้องไปที่ธนาคารพาณิชย์เพื่อที่จะใช้เงินดิจิทัลใหม่นี้ เพียงแค่พวกเขาดาวน์โหลดแอปและสร้างบัญชีก็สามารถใช้วอลเล็ทเพื่อรับเงินได้เลย

“ถ้าคุณต้องการที่จะแลกเปลี่ยนเงินสดเป็นเงินดิจิทัล คุณสามารถใช้บัตรของธนาคารได้” คุณ Mu กล่าว

“พิจารณาเรื่องการต่อต้านการฟอกเงิน เราจะตั้งขีดจำกัดของวอลเล็ทเอาไว้ในระดับที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าคุณลงทะเบียนวอลเล็ทด้วยเบอร์มือถือ คุณจะสามารถใช้เงินได้ในจำนวนขั้นต่ำที่สุด โดยสามารถนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจำนวนเงินไม่เยอะเท่านั้น ส่วนถ้าคุณอัพโหลดบัตรประชาชนหรือบัตรธนาคารคุณก็สามารถอัพเกรดวอลเล็ทในระดับที่สูงขึ้นเพื่อให้มีวงเงินมากขึ้นได้ และจะไม่มีวงเงินจำกัดเลยถ้าคุณลงทะเบียวอลเล็ทดิจิทัลนี้กับธนาคาร”

หลาย ๆ คนก็อยากรู้ว่าทำไมธนาคารกลางของจีนถึงอยากที่จะเปิดตัว DCEP นี้มาก บางคนเชื่อว่าเพราะมันจะช่วยผลักดันให้เงินหยวนจีนมีความเป็นนานาชาติมากขึ้น แต่มันก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่เพราะว่ามันมีการตั้งข้อจำกัดวงเงินเอาไว้ การทำให้เงินหยวนจีนมีความอินเตอร์มากขึ้นอาจจะเจอกับอุปสรรคเสียหน่อย เพราะไม่มีรัฐบาลไหนที่จะเลือกใช้สกุลเงินที่ถูกบงการด้วยรัฐบาลของประเทศนั้น ๆ

คุณ Mu กล่าวว่า DCEP นั้นสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับเครือข่าย และสามารนำไปใช้ชำระหนี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้สาเหตุจริง ๆ แล้วอาจเป็นการสร้าง DCEP ขึ้นมาเพื่อใช้แทนเงินสด ผู้ว่าการธนาคารกลางของจีนก็ได้ออกมากล่าวในที่ประชุมว่า “จุดประสงค์คือต้องการที่จะเอามาใช้แทนเงินสดบางส่วน”

แต่มันก็ดูเหมือนว่า DCEP นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตรวจจับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายเหมือนของอินเดีย และเมื่อเงินดิจิทัลของธนาคารกลางถูกใช้งานเป็นกระแสหลักแล้ว เงินที่ผิดกฎหมายจะถูกกำจัดไปหมดสิ้น การคอรัปชั่นและเงินที่ได้มาจากการก่ออาชญากรรมจะถูกกำจัดไปหมดสิ้นเพียงแค่ชั่วคืนเดียว

แน่นอนว่ามันจะมีประเด็นปัญหาเรื่องภาษีตามมา การหลบเลี่ยงภาษีจะทำได้ยากขึ้น เพราะว่าการโอนเงินดิจิทัลทุกรายงานรัฐบาลจะสามารถตรวจสอบได้ เงินสดจะถูกนำมารวมเข้ากับระบบภาษี การระงับบัญชีจะทำได้ง่ายขึ้น

แล้วอินเดียจะทำได้หรือไม่?

การที่อินเดียออกนโยบายสร้างเงินใหม่ขึ้นมาเป็นเพราะว่ารัฐบาลต้องการตรวจจับผู้ที่หลีกเลี่ยงภาษี การคอรรัปชั่นและระบบเศรษฐกิจใต้ดิน แต่ปีที่แล้วรายงานจาก New York Times ได้เผยว่าธนาคารกลางของบิลเก่า ๆ 99% ของธนาคารกลางอินเดียนั้นถูกนำออกจากระบบแล้วก็ถูกสูบฉีดเข้ามาอีกครั้งในระบบการเงิน “ดูเหมือนจะมีอาชญากรหาช่องทางที่จะเปลี่ยนบิลเก่าของตนมาเป็นบิลใหม่ได้แล้ว”

พูดง่าย ๆ ขึ้นธนบัตรเก่า ๆ จะถูกแทนที่ด้วยธนบัตรใหม่ มันดูจะไม่ค่อยเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจเท่าไหร่แถมยังชี้ช่องทางให้มีการฟอกเงินสำหรับอาชญากรด้วย

หากดูจากความพยายามของรัฐบาลอินเดียแล้วจะเห็นได้ว่ามันล้มเหลว ไม่ได้ส่งผลให้เกิดการต่อต้านการคอรัปชั่นเลย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดียก็เผยว่าจุดประสงค์คือไม่ได้ต้องการที่จะระงับเงินจากอาชญากร แต่ต้องการที่จะนำเศรษฐกิจในมุมมืดออกมาอยู่ในที่สว่าง เงินใหม่นี้ถูกสร้างมาเพื่อต่อต้านการคอรัปชั่น เป็นวิธีการสร้างความแข็งแกร่งในการกำกับดูแลทางการเงิน

ในประเทศอินเดียมีคนจำนวนน้อยมากที่ใช้ระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ และมีปัญหามากเวลาที่เกิดการแลกเปลี่ยนเงิน การที่จะเปลี่ยนสังคมอินเดียเป็นสังคมไร้เงินสดนั้นค่อนข้างจะยาก เพราะฉะนั้นหากจะทำจริง ๆ ประเทศจีนอาจจะเหมาะสมกว่า

ธนาคารกลางของจีนเรียนรู้จากความล้มเหลวของประเทศอินเดีย และหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการที่สุดขั้ว พูดตรง ๆ คือธนบัตรนั้นถือว่าเป็นหนี้ของธนาคารกลาง เพราะฉะนั้นการนำ DCEP มาใช้นั้นเกิดประโยชน์กับธนาคารกลางแน่ ๆ เพราะมันกลายเป็นกำจัดหนี้ส่วนหนึ่งออกไป อัตราเงินเฟ้อลดลงเพราะว่าใช้เงินดิจิทัลมาแทนที่เงินสด ส่วนพวกอาชญากรก็หาทางกระทำความผิดได้ยากขึ้น

ทั้งนี้ระบบการเงิน DCEP ของประเทศจีนจะไม่ได้ใช้ Blockchain เหมือน Bitcoin หรือเหรียญคริปโตอื่น ๆ โดยวิธีการที่จะใช้จะเป็นแบบของจีนคิดค้นขึ้นเองและดูเหมือนในระยะยาวจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อตลาดคริปโต

ที่มา : longhash

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น