<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin เตรียมได้รับแพทอัพเดตใหม่สองตัวที่จะเสริมด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

วีดีโอตัวหนึ่งที่ถูกโพสต์โดยช่อง Invan on Tech ได้ชีัให้เห็นถึงการพูดคุยของนาย Ivan ที่กล่าวว่าจะมีตัวอัพเดตใหม่ของ Bitcoin ทั้งหมดสองตัวที่จะมีออกมาในปี 2020 นี้ ซึ่งนักลงทุนหลาย ๆ คนก็กำลังรออย่างใจจดจ่อว่ามันจะมาช่วยพัฒนาการใช้งานด้านใดบ้าง และที่สำคัญที่สุดก็คือ มันจะมีผลต่อราคาหรือไม่

การอัพเดตของ Bitcoin

ในปี 2020 นี้นักเทรดและผู้ใช้งาน Bitcoin ส่วนใหญ่นั้นอาจต้องมีเฮ เมื่อเมื่อเหรียญอันดับหนึ่งนั้นกำลังจะได้รับตัวอัพเดตใหม่กับ Bitcoin Core โดยตัวอัพเกรดดังกล่าวนั้นจะถือเป็นตัวอัพเกรดที่ใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่มีการ hard fork เหรียญ Bitcoin มาตั้งแต่ปี 2017 เลยทีเดียว

การอัพเดตดังกล่าวนั้นจะเข้ามาช่วยในเรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เราสามารถคาดหวังว่าจะมาในตัวอัพเกรดครั้งสำคัญสำหรับ Bitcoin นั้นประกอบไปด้วย

Schnorr Signatures

ก่อนหน้านี้ signature ตัวเก่าที่เคยใช้อยู่นั้นมีชื่อว่า Elliptic curve digital signature algorithm หรือเรียกย่อ ๆ ว่า ECDSA แต่เป็นที่น่าเศร้า ว่าตัว signature ดังกล่าวนั้นไม่ใช่ตัวที่ปลอดภัยที่สุด หรือมีความสามารถในการปรับแต่งมากที่สุด ดังนั้นจึงต้องมีการนำตัว Schnorr signature เข้ามาช่วยทำให้เครือข่ายนั้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และเพิ่มความสามารถในการ scaling อีกด้วย

ในตอนเริ่มต้นนั้น Satoshi จำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ ECDSA ก็เพราะว่าเมื่อตอนปี 2009 นั้น นาย Clause Schnorr ได้ทำการจดสิทธิบัตร Schnorr Signatures ไปแล้ว ทว่าในขณะนี้สิทธิบัตรดังกล่าวนั้นได้หมดอายุไปแล้ว และในขณะนี้ Bitcoin ก็กำลังจะทำการอัพเดตเพื่อไปใช้เทคโนโลยีดังกล่าว โดยมันจะสามารถช่วยลดขนาดของข้อมูลที่ถูกเก็บอยู่บน block ด้วยวิธีการลดขนาดของ UTXO (ธุรกรรมที่อยู่บนเครือข่ายที่ยังไม่ถูกจ่ายหรือโอนออกไป) ลง

นอกจากนี้ Schnorr Signatures นั้นยังช่วยเพิ่มระดับความเป็นส่วนตัวให้ผู้ใช้งานอีกด้วย โดยเมื่อคุณมีการทำธุรกรรมบนเครือข่ายที่ต้องใช้ multi-sig (ต้องมีผู้เซ็นลายเซ็นหลายฝ่ายก่อนจะโอนเหรียญออกได้) นั้น input ในทุก ๆ ส่วนจะมาจากผู้คนหลาย ๆ คน หากเราใช้ระบบเก่าซึ่งก็คือ ECDSA นั้น เราจะสามารถบ่งบอกได้ว่า signature นั้นมาจากผู้คนหลาย ๆ คน แต่หากใช้ Schnorr แล้วล่ะก็ คุณจะสามารถสร้างคีย์รวมสำหรับผู้เซ็นลายเซ็นทั้งหมดได้ (aggregated key) แทนที่จะต้องแยก key เป็นส่วน ๆ เหมือนกับที่ระบบ ECDSA ใช้

สำหรับตัวอัพเกรดตัวต่อไปนั้นจะโฟกัสไปที่ความเป็นส่วนตัว โดยมันใช้ชื่อว่า Taproot

ตัวอัพเกรด Taproot

ตัว Schnorr Signature นั้นเป็นตัวอัพเดตที่ต้องมีก่อนจะสามารถติดตั้งตัว Taproot ได้ ซึ่งแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นตัวอัพเดตที่ใหญ่เท่ากับ Schnorr แต่ มันเป็นตัวที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ระบบ aggregated key ได้ ซึ่งมันจะช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวมากขึ้นให้กับผู้ใช้งาน

Taproot นั้นถือว่าเป็นตัวเสริมสำหรับ Schnorr โดยมันเป็นตัวที่มีความซับซ้อนมากกว่า แต่ความสามารถของมันก็คือการทำให้ธุรกรรมบน Blockchain นั้นสามารถถูกติดตามได้ยากมากขึ้น ส่งผลทำให้นักแฮ็ค หรือมิจฉาชีพที่ต้องการจะขโมยเหรียญของผู้ใช้งานผ่านการทำการโจมตีแบบ dusting นั้นทำได้ยากมากขึ้น

ราคาจะพุ่งตามหรือไม่?

มันเป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากเราพูดถึงการพัฒนาระบบของ Bitcoin ก็จะต้องมีผู้คนที่คาดหวังว่ามูลค่าของมันจะต้องเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งนั่นก็คือราคา

ในปี 2020 นี้เราจะได้เห็นการ halving ของ Bitcoin และหลาย ๆ คนก็เชื่อว่าราคาของมันนั้นจะต้องพุ่งขึ้นตาม แต่หากถามในเรื่องของการพัฒนาล่ะ ราคานั้นจะพุ่งขึ้นตามด้วยหรือไม่

ปัจจุบันนักพัฒนาอิสระที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบ Bitcoin นั้นกำลังช่วยผลักดันให้มันเติบโตมากขึ้นในทุก ๆ วัน เพื่อให้มันเข้าใกล้ความจริงที่ว่าเหรียญดังกล่าวนั้นจะถูกนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีที่สุด และหากเป็นเช่นนั้น มันก็จะเป็นที่ต้องตาต้องใจต่อนักลงทุน และอาจดึงดูดให้มีผู้คนเข้ามาลงทุนในตัวของ Bitcoin มากขึ้น

ทว่านั่นก็เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น ซึ่งราคาหลังการอัพเดตจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอดูกันต่อไป และนักเทรดก็ไม่ควรที่จะประมาท

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น