<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นาย Vitalik Buterin ยืนยัน Ethereum 2.0 จะถูกเปิดตัวในกรกฎาคมนี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ผู้ก่อตั้งเหรียญ cryptocurrency อันดับสองของโลก Vitalik Buterin ได้ออกมายืนยันว่าภายหลังจากที่พวกเขาต้องเลื่อนการอัพเกรด Ethereum 2.0 ไปหลายครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็สรุปได้ว่าจะเปิดตัวจริง ๆ ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้

ภายหลังจากการ Halving ของ Bitcoin นั้น ผู้ร่วมก่อตั้งเหรียญ Ethereum นาย Vitalik Buterin ได้ออกมายืนยันในช่วงการให้สัมภาษณ์วกับ Coindesk ว่าในตอนนี้ โร้ดแม็พของ Ethereum 2.0 นั้นชัดเจน และมีความแน่นอนแล้ว การ fork ดังกล่าวนั้นจะทำให้ Ethereum สามารถแก้ไขความท้าท้ายทางเทคนิคอย่างเช่นการ scaling และในด้านความปลอดภัยได้ โดยมันจะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้

สิ่งที่นาย Vilitalik กล่าวเกี่ยวกับ Ethereum 2.0

หลังจากที่ถูกติดตั้งไปแล้ว Ethereum 2.0 นั้นก็จะเลิกใช้อัลกอริทึม proof-of-work ที่ให้นักขุดเข้ามาเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์คำนวณสมการ แต่จะเป็นการใช้อัลกอริทึม proof-of-stake (PoS) แทน นั่นหมายความว่านักขุดนั้นจะไมสามารถขุดได้อีกต่อไป แต่จะเป็นการให้ผู้คนเข้ามา stake เหรียญเพื่อทำการยืนยันธุรกรรมแทน

แนวคิดดังกล่าวนั้นได้มีมาตั้งแต่วันแรกที่เครือข่าย Ethereum ถูกเปิดตัวมาแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2015 ซึ่งมันถูกวางแผนให้เป็นระบบขั้นสุดยอด รวมถึงถูกใช้เพื่อดึงดูดให้ผู้คนหันมาใช้งาน Ethereum มากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะในด้าน smart contract และในด้าน Dapp

ปัจจุบัน Ethereum นั้นเริ่มที่จะเจอคู่แข่งหน้าใหม่อย่าง Binance เข้าให้แล้ว โดยทางเว็บเทรดดังกล่าวนั้นได้พัฒนาระบบ smart contract และ Dapp เป็นของตัวเองขึ้นมา ซึ่งเหมือนกับเป็นการอัพเกรดเครือข่ายใหม่หมดเลยทีเดียว นั่นหมายความว่านักพัฒนานั้นก็จะมีตัวเลือกที่เพิ่มมากขึ้น

ก่อนหน้านี้เครือข่าย Blockchain ของ Ethereum นั้นประสบปัญหาคอขวดและความล่าช้า ส่งผลทำให้ค่าธรรมเนียมในการส่งหากันนั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นมาตลอดช่วงปี 2017 และ 2018 ซึ่งถือเป็นช่วงที่ราคานั้นมีความผันผวนสูงมาก โดยการอัพเกรดเป็น Eth 2.0 นี้จะทำให้เครือข่ายสามารถจัดการประมวลผลธุรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม

โดยอ้างอิงจากนาย Vitalik นั้น นักพัฒนา Ethereum กำลังร่วมมือกันพัฒนาฟีเจอร์ที่เรียกว่า sharding บน Blockchain ที่จะช่วยแบ่งแยกการทำ consensus เป็นกลุ่มย่อยเล็ก ๆ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยทำให้ความรวดเร็วในการประมวลผลสูงขึ้น นอกจากนี้พวกเขากำลังทดสอบโซลูชัน layer ที่สอง ที่พวกเขาเคลมว่าจะทำให้ประมวลผลธุรกรรมได้ 1,000 ธุรกรรมต่อวินาทีเลยทีเดียว