หากคุณกำลังคิดอยู่ว่าจะลงทุนในเหรียญคริปโตตัวไหนดีในปีนี้ ซึ่งการเลือกลงทุนในเหรียญคริปโตที่มีทั้งหมดกว่า 5,000 เหรียญในตลาดนั่นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ต้องกังวลเราได้รวบรวมรายชื่อของคริปโตเคอเรนซี่ที่น่าสนใจมาไว้ในบทความนี้หมดแล้ว
ซึ่งก่อนที่เราจะมาดูเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนมากที่สุดในปี 2020 คุณควรต้องพิจารณาถึงเหตุผลที่จะทำการลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่ซะก่อน
ทำไมคุณถึงควรลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่
หลายคนอาจจะบอกว่าคริปโตเคอเรนซี่นั่นเป็นอนาคตของโลกการเงิน ในขณะที่อนาคตนั้นอยู่ห่างไกลออกไปอีกหลายปี สกุลเงินดิจิทัลนั่นมีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับสกุลเงินแบบดั้งเดิม เช่น เรื่องของค่าธรรมเนียมที่แสนถูก , ความโปร่งใสและความเร็วในการทำธุรกรรม
แต่ในมุมมองของนักลงทุน มันคงจะเกิดคำถามต่อไปว่า “ทำไมผมถึงต้องลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่กันล่ะ ?” ซึ่งมี 5 เหตุผลที่เราควรพิจารณาดังต่อไปนี้ :
- จำนวน : การลงทุนแบบ DCA จะช่วยลดอุปสรรคการลงทุนขั้นต่ำเพื่อให้ทุกคนสามารถซื้อคริปโตเคอเรนซี่ได้
- สภาพคล่อง : เว็ปเทรดคริปโตนั่นเปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้คุณสามารถทำการซื้อขายและถอนเงินออกจากทรัพย์สินของคุณได้ทุกช่วงเวลา
- ความโปร่งใส: เทคโนโลยี blockchain จะบันทึกธุรกรรมทั้งหมดที่มีให้กับทุกคนทั่วโลก ซึ่งนี่เป็นระดับความโปร่งใสขั้นสูงสุดสำหรับนักลงทุน
- การกระจายการลงทุน : คริปโตเคอเรนซี่ที่มีจำนวนมากมายในตลาดจะช่วยให้คุณสามารถกระจายความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอของคุณได้อย่างง่ายดาย
- ค่าธรรมเนียม : สกุลเงินดิจิทัลจะเสนอค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับสินทรัพย์การลงทุนแบบดั้งเดิม
เมื่อคุณเริ่มเข้าใจถึงประโยชน์ของการลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่แล้ว ขั้นต่อไปคุณก็ต้องมองหาคริปโตเคอเรนซี่ที่ดีที่สุดที่จะลงทุนในปี 2020 โดยการเลือกจากศักยภาพของคริปโตเคอเรนซี่เหรียญนั้น ๆ เพื่อยืนยันถึงผลตอบแทนที่ยั่งยืนในอนาคต
Bitcoin (BTC)
แน่นอนว่า Bitcoin ยังคงเป็นคริปโตเคอเรนซี่ที่น่าลงทุนมากที่สุดอยู่ในขณะนี้ ด้วยการยอมรับจากผู้คนทั่วโลก ในความเป็นจริงความนิยมของ Bitcoin นี้เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินคริปโตตัวอื่น ๆ ในตลาด
ตราบใดที่ Bitcoin ยังคงครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในตลาดต่อไป นักลงทุนก็จะได้รับผลประโยชน์จากระดับสภาพคล่องที่เพิ่มสูงขึ้นเสมอ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Bitcoin ได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามันได้มีการเติบโตที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ
ดังนั้นด้วยเหตุการณ์ Bitcoin Halving ที่เพิ่งจบลงไปได้ไม่นาน ชุมชนคริปโตส่วนใหญ่จึงเชื่อว่าราคา Bitcoin จะพุ่งขึ้นทำ new high ใหม่ในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน
Ripple ( XRP)
XRP เป็นคริปโตเคอเรนซี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอันดับสามของตลาด และเป็นหนึ่งในการลงทุนที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีที่สุดในปัจจุบัน มันมีเทคโนโลยีที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและเครือข่ายก็กำลังจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในด้านการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงในภาคการธนาคารและเครือข่ายการชำระเงิน
MoneyGram ยักษ์ใหญ่ด้านการโอนเงินได้รับเงินทุนมากกว่า 11 ล้านดอลลาร์จาก Ripple ในปี 2019 เพื่อใช้เทคโนโลยี blockchain พวกเขาสำหรับการพัฒนาโซลูชั่นการชำระเงิน “MoneyGram ยังคงได้มีการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Ripple เพิ่มเติมในฐานะบริษัทด้านการโอนเงินรายแรกเพื่อขยายขีดความสามารถในการใช้งานเทคโนโลยี บล็อกเชน” อ้างอิงจากรายงานประชาสัมพันธ์ของ MoneyGram
MoneyGram ได้ใช้ประโยชน์จาก On-Demand Liquidity ของ Ripple ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำงานอยู่บนพื้นฐานของ XRP ความสนใจเชิงสถาบันเป็นปัจจัยหลักที่อยู่เบื้องหลังการคาดการณ์ว่าราคาของ XRP จะมีเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้
นอกจากนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ที่ผ่านมา Azimo แพลตฟอร์มให้บริการด้านการโอนเงินในยุโรปก็ได้เริ่มหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ On-Demand Liquidity เพื่อเพิ่มความเร็วในการโอนเงินให้กับลูกค้าของพวกเขาแล้วเช่นกัน
รายชื่อบริษัทที่ใช้บริการของ Ripple ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ใน 2020 นี้จะมีการยอมรับ XRP เพิ่มมากขึ้น และราคาของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
Litecoin (LTC)
Litecoin เป็นคริปโตเคอเรนซี่อีกหนึ่งสกุลที่คุณไม่ควรมองข้ามในปีนี้ LTC เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่โอนเงินได้เร็วที่สุดและมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับสกุลเงินคริปโตตัวอื่น ๆ ในตลาด เหรียญ LTC แต่ละเหรียญ ปัจจุบันมีการซื้อขายกันอยู่ที่น้อยกว่า $ 100 ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้ามาลงทุนได้อย่างง่าย ๆ
ในทำนองเดียวกันกับราคาของ Litecoin ก็ขึ้นอยู่กับการยอมรับของผู้ใช้งานและดูเหมือนว่า Litecoin จะกำลังอยู่ในเส้นทางที่ดีอยู่แล้ว โดยเมื่อไม่นานมานี้มีรายงานว่า Litecoin เพิ่งจะถูกรวมเข้ากับตู้เอทีเอ็มปกติในเกาหลีใต้ผ่านความร่วมมือกับ MeconCash
Ethereum (ETH)
Ethereum เป็นหนึ่งในสกุลเงินคริปโตที่ไม่จำเป็นต้องมีการแนะนำอะไรเพิ่มเติม เพราะทุกคนนั่นคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว Bitcoin อาจเป็นเหรียญคริปโตที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถปฏิเสธ Ethereum ได้ เพราะ Ethereum blockchain นั่นช่วยให้โปรเจคหลายพันโปรเจคสามารถพัฒนาต่อไปได้
นอกจากนี้ Ethereum ยังมีตัวเลือกในการลงทุนที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย สำหรับผู้ที่เพิ่งก้าวเข้ามาในพื้นที่ คริปโต ความแข็งแกร่งของสกุลเงินนั่นมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของเครือข่าย แอพพลิเคชั่นและระบบนิเวศกำลังมีการกระจายอำนาจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลให้โทเค็น ETH มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ราคาของ Ethereum เพิ่มขึ้นเท่าเทียมกับราคา Bitcoin แต่นักวิเคราะห์ยังคงเชื่อในศักยภาพที่มีอย่างมหาศาลของมัน
Neo (NEO)
NEO นั่นโปรเจคคริปโตแบบโอเพ่นซอร์ส ซึ่งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเศรษฐกิจดิจิทัล
ในปัจจุบัน Genesis Block ได้ผลิตโทเค็น NEO ขึ้นแล้วมากว่า 100 ล้านเหรียญ ซึ่งนักลงทุนจะได้รับโทเค็นเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งและส่วนที่เหลือจะถูกเก็บไว้อยู่ในสัญญา smart contract โดยทุก ๆ ปีจะมีการปล่อยโทเค็นทั้งหมด 15 ล้านเหรียญเพื่อสนับสนุนเป้าหมายในระยะยาวของทีมพัฒนา NEO
นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2019 ราคาของเหรียญ NEO ได้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจาก $ 7.50 ไปเป็น $ 11.00 ในปัจจุบัน และมีมูลค่าตลาดโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 790 ล้านดอลลาร์ อ้างอิงข้อมูลจาก Coinmarketcap
Zcash (ZEC)
Zcash กลายเป็นหนึ่งในเหรียญความเป็นส่วนตัวที่น่าลงทุนมากที่สุดในช่วงเวลานี้ หากคุณคิดว่า Bitcoin นั่นกำลังให้ความเป็นส่วนตัวกับคุณอยู่ เสียใจด้วยที่ต้องบอกว่าคุณกำลังคิดผิด เนื่องจากคริปโตเคอเรนซี่ส่วนใหญ่มีอยู่ในตลาดสามารถติดตามข้อมูลธุรกรรมของผู้ใช้ได้โดยรัฐบาลและบริษัทใหญ่ ๆ ดังนั้นความเป็นส่วนตัวเป็นที่ทุกคนกำลังฝันอยู่คงต้องดับสลายไป อย่างไรก็ตาม Zcash อาจจะเป็นทางออกให้กับคุณในเรื่องนี้ได้
เช่นเดียวกับ Bitcoin Zcash นั่นมีอุปทานจำกัดไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งนอกเหนือจากความสามารถในด้านความเป็นส่วนตัวแล้ว ZEC ก็ไม่ได้แตกต่างจากสินทรัพย์คริปโตตัวอื่น ๆ เช่น Bitcoin หรือ Litecoin ซึ่ง Zcash ได้รับการออกแบบมาเพื่อการโอนเงินแบบ peer-to-peer เป็นหลัก ดังนั้นหาก Bitcoin ยังคงมีการพัฒนาในเชิงบวกต่อไปเรื่อย ๆ ก็เป็นไปได้ว่า Zcash จะตามหลัง Bitcoin ได้ทันในที่สุด
Stellar (XLM)
Stellar เป็นหนึ่งในโปรเจคคริปโตที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และมันได้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2014 ซึ่งหมายความว่าการพัฒนาของมันกำลังจะดำเนินต่อไปและแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่หนึ่งเซ็นต์ สิ่งนี้จะทำให้ก็มันกลายเป็นหนึ่งในคริปโตเคอเรนซี่ที่น่าลงทุน
Stellar เป็นโปรโตคอลการกระจายอำนาจรูปแบบโอเพ่นซอร์สสำหรับการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งที่สำคัญของ XRP
เป้าหมายสูงสุดของ Stellar คือการเข้ามาแทนที่ระบบการโอนเงินของ SWIFT ผ่านโทเค็น XLM เครือข่ายของ Stellar ได้ช่วยให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดน นั่นกลายเป็นเรื่องง่าย โดย Stellar มีฟีเจอร์ที่โดดเด่นอย่างหนึ่งก็คือ มันทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้กับเหรียญคริปโตตัวอื่น ๆ
Cardano (ADA)
Cardano เป็นหนึ่งในเทคโนโลยี blockchain ตัวใหม่ที่เปิดตัวในปี 2015 แพลตฟอร์มนี้มีเป้าหมายที่จะกลายเป็นบ้านของการทำธุรกรรมทางการเงินขนาดใหญ่บนระบบนิเวศการกระจายอำนาจของ ADA
ในฐานะที่เป็นคริปโตเคอเรนซี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ADA ได้รับการออกแบบเพื่อเป็นยานพาหนะที่รวดเร็วและเชื่อถือได้สำหรับการถ่ายโอนข้อมูล เครือข่ายของ Cardano ถูกสร้างขึ้นบนเลเยอร์ที่มีความยืดหยุ่นระดับสูงและ Cardano ยังได้อนุญาตให้ชุมชนสามารถพัฒนา dApps ผ่านระบบนิเวศของพวกเขา
นอกจากนี้ Cardano ยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมอลต้า เพื่อเสนอหลักสูตรเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมหลากหลายภาษาที่ใช้ภายในเครือข่ายของ Cardano อีกด้วย
Tron (TRX)
TRON ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 โดยมูลนิธิ TRON Foundation ซึ่งระบบนิเวศนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในโปรเจคที่น่าสนใจที่สุดอย่างรวดเร็ว และนาย Justin Sun CEO ของ Ontology ได้ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งบุคคลที่ชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในนิตยสาร Forbes Asia ในปี 2017
เป้าหมายของ TRON คือการสร้างระบบความบันเทิงดิจิทัลระดับโลกแบบฟรี ๆ โดยให้ผู้คนร่วมแบ่งปันเนื้อหาดิจิทัลกันเอง หากคุณงง ? ลองคิดถึง Netflix ที่เราอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างแพงเพื่อรับชมภาพยนตร์ แต่ TRON จะสร้างระบบนิเวศที่ทุกคนร่วมแบ่งปันภาพยนตร์ให้ทุกคนได้รับชมกันแบบฟรี ๆ
ซึ่งแนวคิดของ TRON ก็คือ การตัดคนกลางออกไปและอนุญาตให้ทุกคนสามารถสร้างเนื้อหาดิจิทัลในระบบนิเวศกันได้โดยใช้เทคโนโลยี blockchain
Ontology (ONT)
Ontology เป็นแพลตฟอร์มสาธารณะแบบ multi-chain โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในชุมชนธุรกิจ Ontology จะช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้โซลูชั่น blockchain ได้โดยไม่ต้องมีความรู้มาก่อน
ด้วยเครื่องมือที่หลากหลายที่พัฒนาโดย Ontology ธุรกิจทุกระดับจะสามารถเปิดกลไกความน่าเชื่อถือและปรับให้เหมาะกับความต้องการของพวกเขาได้
โปรโตคอล Ontology blockchain จะช่วยย่นเวลาในช่วงของการเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับธุรกิจด้าน blockchain โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการยืนยันตัวตนและการแลกเปลี่ยนข้อมูล เครือข่ายจะทำงานผ่านโทเค็น ONT ซึ่งจะมีอุปทานโทเค็นจำกัดไว้อยู่ที่จำนวน 1 พันล้านเหรียญ
หมายเหตุ: การลงทุนในตัวเหรียญคริปโตเคอเรนซีมีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนทำการตัดสินใจลงทุน ทางสยามบล็อกเชนจะไม่รับผิดชอบในความสูญเสียในทุกกรณี
ที่มา : news.crypterium