<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สาเหตุที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังสนใจเหรียญ ‘Shitcoin’ กันอยู่ แม้ตลาดดูไม่ค่อยมีหวัง?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตลาดคริปโตมีเหรียญต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งก็มีกลุ่มเหรียญจำนวนหนึ่งที่ชุมชนเรียกว่า Shitcoin (เหรียญขยะ) เหรียญเหล่านี้จะเป็นเหรียญที่ไม่ได้เน้นไปที่การพัฒนาโปรเจ็ค ไม่มีประโยชน์การใช้งานอื่นๆ นอกจากการเก็งกำไรอย่างเดียว แต่ทำไมมันยังคงมีเหรียญพวกนี้อยู่ในตลาดอยู่?

ทำไมตลาดถึงยังคงมีเหรียญที่ไร้ประโยชน์?

สิ่งที่น่าสงสัยคือทำไมตลาดยังคงมีเหรียญที่ไร้ use case ใดๆ อยู่ ซึ่งเมื่อลองวิเคราะห์ดูอาจจะเป็นเพราะเหตุผลเหล่านี้

การใช้คำ

เหตุผลที่คนอาจลงทุนในเหรียญที่ไม่ได้มีการใช้งานจริงๆ นั้นอาจเป็นเพราะการใช้คำใน whitepaper ที่พออ่านแล้วดูมีเป้าหมายและมีประโยชน์จริงๆ 

Hype

เหรียญที่ไม่มีเคสใช้งานจริงได้รับความนิยมส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการ Hype ของกลุ่มคน หรือเป็นการตลาดเฉยๆ ซึ่งจากบทความก็ได้ยกตัวอย่างกรณีการโฆษณาแบรนด์ใหม่จาก Apple Store แจกคูปองสำหรับการซื้อโฆษณาทางวิทยุ, ออกอากาศประกาศการเปิดตัวและเชิญคนดังมาร่วมตัดริบบิ้น อย่างไรก็ตามสองสามวันหลังจากการเปิดตัวครั้งใหญ่มันก็ถูกทิ้งร้าง ไม่ได้มีผลิตภัณฑ์อะไรออกมาให้เห็น

ตัวอย่างข้างต้นเห็นได้จากโปรเจ็คคริปโตจำนวนมาก เมื่อปั๊มความสนใจของชุมชนได้แล้ว โปรเจ็คคริปโตเหล่านั้นก็ลอยตัวและกลายเป็นเหรียญ shitcoins ไป ไม่มีการเติบโต ไม่มีการสร้างระบบนิเวศ ยกตัวอย่างเคส Dogecoin ราคามันเพิ่มขึ้นเกือบ 15% ใน 2 วันหลังจากนาย Elon Musk พูดสนับสนุนเป็นแฟนเหรียญ Dogecoin 

Exchange มีส่วน?

เมื่อช่วงปี 2017 ที่ตลาดคริปโตเริ่มบูมและได้รับความสนใจมากมาย หลังจากนั้นมันก็ผุดโปรเจ็ค ICO ขึ้นเป็นจำนวนมาก บรรดา Exchange ก็ทำการลิสต์เหรียญต่างๆ ตามความต้องการของผู้ใช้งานโดยไม่ได้มีมาตรฐานในการตรวจเช็คเหรียญที่จะให้ขึ้นเทรดบนเว็บตน

ผลที่ตามมาจากการลิสต์เหรียญดังกล่าวคือปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม

ด้านหัวหน้าโปรเจ็ค CoinJanitor นาย Marc Kenigsberg ก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นนี้ว่า:

“การไม่มีเกณฑ์ในการลิสต์เหรียญและการตลาดทำให้เกิดการลิสต์เหรียญจำนวนมากซึ่งผมคิดว่าเหรียญจำนวนมากทำเงินได้จริงทำให้เว็บเทรดหละหลวมและลิสต์เหรียญตามความต้องการ ผมคิดว่ามันเป็นวงจรที่วนลูป”

เสี่ยงสูงยิ่งได้ผลตอบแทนมาก?

ตลาดยังคงมีเหรียญที่ไร้ประโยชน์อยู่อาจเป็นเพราะเหรียญเหล่านั้นไว้ใช้เก็งกำไร หลายๆ เหรียญทำกำไรสูงมาก มากกว่าเหรียญอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum เสียอีก ซึ่งหลายๆ คนอาจมีความเชื่อว่ายิ่งเสี่ยงสูง ยิ่งได้กำไรมาก ซึ่งนั่นก็เป็นอีกสาเหตุที่เหรียญเหล่านี้ได้รับความนิยมสูง

เศรษฐศาสตร์ขั้นพื้นฐาน

พิจารณาทฤษฎีโมเมนตัมทางเศรษฐศาสตร์ซึ่งกล่าวว่าราคาสินทรัพย์ที่สูงขึ้นมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกและราคาสินทรัพย์ที่ลดลงจะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง หากนำไปใช้กับกรณี เหรียญที่ไร้การใช้งานจริงเหล่านั้น อาจหมายความว่าจะมีการเทขายจำนวนมากทันทีที่ราคาเหรียญเริ่มตกลงมาใช่ไหม? แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะทฤษฎีนี้ได้กล่าวถึงอคติเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจและพฤติกรรมมนุษย์ที่ไม่มีเหตุผลเพราะนักเทรดยังคงยึดมั่นกับเหรียญ shitcoins ด้วยความหวัง

ในความเป็นจริงพฤติกรรมการซื้อขายดังกล่าวสามารถอธิบายได้โดยทฤษฎีเศรษฐศาสตร์  ‘Greater Fool’ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่บอกว่ามันเป็นไปได้เสมอที่จะทำกำไรจากสินทรัพย์ไม่ว่าราคามันจะสูงเกินมากแค่ไหนเพราะมันจะมีใครบางคนอยู่เสมอที่เต็มใจจ่ายในราคาที่สูงกว่า

ต้นทุนที่ต้องจ่ายเมื่อมีเหรียญ Altcoin มากเกินไป

จากข้อมูลของ Kenigsberg ต้นทุนจะแบ่งออกเป็น 3 ประการด้วยกันคือต้นทุนทางการเงิน ต้นทุนโอกาสและต้นทุนความเสี่ยงทางจิตวิทยา อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของ Kenigsberg ค่าใช้จ่ายด้านความเสี่ยงทางด้านจิตใจเป็นความเสี่ยงสูงสุดและบ่อยครั้งเป็นค่าใช้จ่ายที่ถูกมองข้ามมากที่สุด 

ผู้ก่อตั้ง CoinJanitor ได้ยกตัวอย่างของสื่อกระแสหลักที่มีรายงานข่าวเหรียญ scam มากมายที่คนเอาเงินไปลงทุน โดยเจาะกลุ่มผู้ชมที่ไม่รู้ความแตกต่างระหว่าง Bitcoin และคริปโตอื่นๆ ซึ่งมันอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดๆ ว่าเหรียญที่มี use case จริงๆ ก็เป็นเหรียญ scam

สมรภูมิรบเรื่องการใช้งาน

ประเด็นต่อมาก็คือว่าตลาดคริปโตควรถูกมองเช่นไร การใช้งานคริปโตบนเว็บมืดมันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของคริปโตเป็นอย่างมากเป็นอุปสรรคทำให้นักลงทุนสถาบันไม่กล้าเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ เรื่องของเหรียญ Shitcoin กลับไม่ได้เป็นประเด็นกังวลมากเท่ากับมุมมองอื่นๆ ของอุตสาหกรรมคริปโต

นาย Kinegsberg ของ CoinJanitor ก็ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า:

“ความเสี่ยงไม่ได้อยู่กับ altcoins อื่นที่มีอยู่ ความเสี่ยงนั้นอยู่ที่ว่าคนอื่นเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรเมื่อพูดถึงคริปโต ซึ่งเหรียญคริปโตไม่ได้เกี่ยวกับการทำเงิน มันเกี่ยวกับการยอมรับ มันเกี่ยวกับการใช้งานและการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นต่างหาก”

ถึงเวลาต้องตัดสินใจ

จากสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐพบว่าอัตราการอยู่รอดของธุรกิจขนาดเล็กลดลง 50% ใน 5 ปีและร่วงลงมาอีก 20% หลังจากนั้นไม่นาน ในส่วนของการลงทุนในกองทุนร่วมลงทุน รายงานก็พบว่า 65% ของการลงทุนเหล่านั้นในระยะเวลา 10 ปีมีอัตราคืนทุนต่ำกว่าที่กองทุนได้รับ

ตลาดคริปโตของปี 2020 ยังไม่ได้รับความน่าเชื่อถือจากธุรกิจขนาดเล็กและยังไม่มีการควบรวมตลาดกับบริษัทสตาร์ทอัพและกลุ่ม venture capital มากพอ ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้จำเป็นต้องมีการให้ความรู้ที่ถูกต้องว่าเหรียญไหนไม่ได้มียูทิลิตี้ ไม่เช่นนั้นแล้วต้นทุนของการมีคริปโตมากเกินไปในตลาดอาจเกินที่จะแบกรับ

ที่มา : ambcrypto