เช้าวันนี้ถือว่าเป็นเช้าที่แสนเลวร้ายของนักเทรดคริปโตหลาย ๆ คน เนื่องจากราคา Bitcoin นั้นได้ร่วงลงไปแตะระดับ 34,500 ดอลลาร์บนเว็บกระดานเทรดหลายแห่ง
ภายหลังจากราคา Bitcoin นั้นวิ่งไปแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 42,000 ดอลลาร์เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แรงซื้อในตลาด Bitcoin นั้นก็เริ่มที่จะชะลอตัวลง ท่ามกลางการเทขายในแบบที่หลาย ๆ คนต่างเห็นก็ช็อคไปตาม ๆ กัน
การร่วงลงของราคาส่งผลทำให้หลายคนเริ่มตั้งข้อสังเกตกันแล้วว่า อะไรที่อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่นักเทรดคริปโตในครั้งนี้ และราคาจะไปไหนต่อในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบไปด้วยกัน
การเทขายของเจ้ามือ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่า เจ้ามือ Bitcoin รายใหญ่ต่างพากันแห่โอนเหรียญของพวกเขากันอย่างคับคั่ง หลังจากที่ราคานั้นพุ่งขึ้นแตะระดับ 40,000 ดอลลาร์
โดย Bitcoin จำนวน 15,598 BTC ที่มีมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ได้มีการโอนย้ายออกจากกระเป๋าเงินที่ไม่รู้จักในช่วง 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา การทำธุรกรรมในครั้งนี้ทำให้หลายคนได้ออกมาตั้งข้อสังเกตกันว่า นี่อาจเป็นสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังทำให้ราคาร่วงลดลง
และเป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่ที่มีการทำธุรกรรมดังกล่าว ราคาของ Bitcoin ก็เริ่มร่วงลดลงต่ำกว่าระดับ 40,000 ดอลลาร์ทันที และปัจจุบันยังคงร่วงลดลงอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยทางเทคนิคส่งสัญญาณ Overbought
ภายหลังจากที่ราคา Bitcoin ได้พุ่งแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 42,000 ดอลลาร์ ตัวแปรทางด้านเทคนิคหลายตัวก็ได้เผยให้เห็นถึงสัญญาณ “Overbought” หรือโซนระดับราคาที่ผู้คนมีการแห่เข้าซื้อมากเกินไป
จากกราฟ BTC/USD รายสัปดาห์ บน Tradingview ชี้ให้เห็นว่าระดับดัชนี RSI ได้พุ่งแตะระดับ 94.60 เปอร์เซ็นไปแล้ว ซึ่งบ่งบอกให้เห็นถึงสัญญาณ Overbought อย่างชัดเจน
ส่วนตัวชี้วัด “โมเมนตัม” (Momentum) หรือแรงผลักของราคาอย่าง Stochastic บนกราฟ TF รายสัปดาห์ก็บ่งชี้ให้เห็นถึงภาวะที่ Bitcoin มีระดับแรงซื้อมากเกินไปเช่นกัน โดยอยู่ที่ระดับ 91
ตัวชี้วัดเหล่านี้ให้เห็นมุมมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ราคา Bitcoin นั้นอยู่ในระดับ Overbought และมันมีแนวโน้มที่ราคาจะมีการปรับฐานเกิดขึ้นได้ และหลายคนก็ได้เห็นไปแล้วในวันนี้หลังจากที่ราคา Bitcoin ร่วงลงแตะระดับ 34,500 ดอลลาร์อย่างรุนแรง
ค่าดัชนีเงินดอลลาร์ที่พุ่งสูงขึ้น
เป็นที่ทราบกันดีว่าดัชนีค่าเงินดอลลาร์นั้นว่ามีความสัมพันธ์แบบผกผันกับ Bitcoin หรือหากจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เมื่อไหร่ที่ค่าดัชนีเงินดอลลาร์พุ่งสูงขึ้น ราคา Bitcoin มักจะมีการเคลื่อนไหวที่ร่วงลดลง แต่ตรงกันข้ามหากค่าดัชนีเงินดอลลาร์ร่วงลดลง ราคา Bitcoin ก็มักจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสวนทาง
กราฟ DXY บน Tradingview แสดงให้เห็นว่า ดัชนีเงินดอลลาร์ได้ร่วงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ระดับ 89 เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา โดยหลังจากนั้นไม่นานราคาก็ค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และบวกขึ้นมา 0.33 เปอร์เซ็นในวันนี้
ค่าดัชนีเงินดอลลาร์ที่พุ่งสูงขึ้น เป็นผลทำให้นักเทรดหลายคนต่างเริ่มเชื่อกันแล้วว่านี่อาจเป็นจุดกลับตัวของดัชนีค่าเงินดอลลาร์และมันอาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อราคา Bitcoin และเหรียญคริปโตโดยรวมทั้งหมด
แล้วราคาจะไปไหนต่อ ?
ในวิดีโอการสัมภาษณ์ของช่อง Real Vision เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา นักลงทุนระดับพันล้าน Mike Novogratz กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของมูลค่า Bitcoin ในปีนี้แตกต่างไปจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าในช่วงปี 2017 นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าการที่ Massachusetts Mutual Life Insurance Co. ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1851 ได้ลงทุน Bitcoin ด้วยจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการที่ Bitcoin จะได้รับการยอมรับจากสถาบันรายใหญ่ต่าง
ๆ
นาย Novogratz ได้กล่าวไว้ว่าภายในระยะหนึ่งปีนั้น Bitcoin จะมีมูลค่าตลาดเทียบเท่ากับ 10% ของมูลค่าตลาดทองคำ เขากล่าวว่าสำหรับในช่วงขาขึ้นของราคา Bitcoin ในปี 2017 นั้น ตนเชื่อว่าการขึ้นราคาในตอนนั้นเกิดขึ้นจากการเก็งกำไรล้วน ๆ แต่สำหรับในปีนี้เขาได้กล่าวว่า
“นี่เป็นการเริ่มต้นของช่วงขาขึ้นครั้งใหญ่ที่จะมีระยะเวลาเกินหนึ่งปีและจะมีการเพิ่มขึ้นในมูลค่าหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าราคาของ Bitcoin จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 5 หมื่นเหรียญดอลลาร์ในปี 2021”
ส่วนทางด้านนักวิเคราะห์คริปโตจาก Wall Street ชื่อดังอย่างนาย Max Keiser นั้นเขามองโลกในแง่ดีเป็นอย่างมากและคาดการณ์ด้วยว่าราคา BTC นั้นจะพุ่งขึ้นอีกเกือบ 550% จากระดับ 34,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะจบปีนี้ อ้างอิงจากการให้สัมภาษณ์ของเขากับ Stansberry Research เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา
“ผมอยากจะบอกว่าเราจะได้เห็นราคา Bitcoin ที่ 220,000 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC ในช่วงปลายปี 2021 นี้ และนั่นจะทำให้มูลค่าตลาดของมันเพิ่มขึ้นมาที่ราว ๆ 4 ล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว และผมคิดว่านั่นถือเป็นเป้าหมายที่ดีของปี 2021 นี้ พวกเราจะไล่ตามทองคำให้ทัน นั่นจะทำให้มูลค่าตลาดของมันนั้นไม่เพียงแต่วิ่งเข้าใกล้ครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาดทองคำเท่านั้น แต่เข้าใกล้มูลค่าตลาดของทองคำจริง ๆ เลย
ผมคิดว่าสาเหตุหลัก ๆ ของการเพิ่มขึ้นของราคานั้นก็คือความล้มเหลวในด้านนโยบายการคลังของธนาคารกลางระดับโลกแห่งหนึ่ง ที่พวกเขาเอาแต่พิมพ์เงินออกมาไม่หยุด และมันจะมีลักษณะเหมือนกับ Weimar Republic เลยทีเดียว”
ซึ่งเราก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่าคำทำนายราคา Bitcoin ของเหล่ากูรูคริปโตชื่อดัง นั้นจะมีความแม่นยำมากน้อยเพียงใด