<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CEO ของ MicroStrategy กล่าว Bitcoin นั้นเซงหน้าทองคำในแง่ของสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงไปแล้วถึง 50 เท่า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Michael Saylor ซีอีโอของ MicroStrategy กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า Bitcoin นั้น “มีประสิทธิภาพเหนือกว่าทองคำในด้านตัวช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ” ถึง 50 เท่าเลยทีเดียว

โดยนาย Saylor ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ Fast Money ของ CNBC โดยกล่าวว่า Bitcoin นั้นมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าทองคำเนื่องจากความสามารถในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ดีกว่าและราคาที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 300% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ทองคำเพิ่มขึ้นเพียง 7% ในช่วงเวลาเดียวกัน

เขาพูดว่า:

“ผมคิดว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เราทุกคนต่างรอคอยภาวะเงินเฟ้อ และผมคิดว่าเรากำลังเห็นมันอยู่ในขณะนี้ ผมคิดว่านักลงทุนเห็นว่า bitcoin มีราคาที่เพิ่มขึ้น 330% และทองคำเพิ่มขึ้น 7% ในช่วงเวลานั้น ดังนั้น bitcoin มีประสิทธิภาพเหนือกว่าทองคำในด้านการเป็นตัวป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ 50 เท่า

นาย Saylor เสริมว่าด้วยเหตุนี้ เราจึงได้เห็นนักลงทุนรวมถึงนาย Paul Tudor Jones มหาเศรษฐีในตำนานที่เข้ามาลงทุนใน bitcoin เพื่อกระจายความเสี่ยงในพอร์ท และพิจารณาซื้อ BTC เพิ่มเป็นสองเท่าหรือสามเท่า

อย่างไรก็ตามนาย Michael กล่าวว่ามันเป็นเรื่องที่น่า “แปลกใจที่พวกเขาไม่ซื้อเพิ่มอีก 10 เท่าเพราะทองคำดีกว่า 50 เท่า” เขากล่าวว่าแม้ว่า Bitcoin นั้นจะมีความเสี่ยง แต่เขาเชื่อว่านักลงทุนและผู้ถือหุ้นของ MicroStrategy พอใจกับการจัดสรรพอร์ทคริปโตของบริษัท

MicroStragegy ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ได้ลงทุนอย่างหนักใน BTC ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยสามารถซื้อเหรียญได้ถึง 92,079 BTC มูลค่ากว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้บริษัทยังได้ระดมเงินขายพันธบัตรมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้เพื่อซื้อ BTC เพิ่มขึ้น และมีรายงานว่าพวกเขาสามารถขายหุ้นได้สูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน

ในระหว่างการสัมภาษณ์นั้น นาย Saylor ถูกถามเกี่ยวกับ cryptocurrency ที่ใหญ่เป็นอันดับสองตามมูลค่าราคาตลาด Ethereum เขากล่าวว่า ETH เป็น “แอปพลิเคชันดิจิทัล” ที่จะ “ทำให้ตึกของบริษัท JPMorgan กลายเป็นเศษวัตถุ, รวมถึงรากฐานของระบบธนาคาร และการแลกเปลี่ยนทั้งหมด”

สำหรับ stablecoin นั้น นาย Saylor กล่าวว่ามันก็มีตัวตนในพื้นที่ของระบบนิเวศน์ของคริปโต เหมือนกับธนาคารกลางนั่นเอง