<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Vitalik Buterin กล่าวว่า Layer-2 คืออนาคตของ การขยายเครือข่าย Ethereum

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Vitalik Buterin ผู้ร่วมสร้าง Ethereum อธิบายว่าทำไมการโรลอัพสามารถช่วยขยาย Ethereum ในขณะที่ยังคงความเป็น Decentralized อยู่ได้ โดย Ethereum คริปโทเคอร์เรนซี่ใอันดับสองรองจาก Bitcoin ได้เข้าสู่มูลค่าตลาดรวม 5 แสนล้านดอลลาร์ครั้งแรกในเดือนตุลาคมตามข้อมูล CoinGecko 

ท่ามกลางการเจริญเติบโตอย่างมหาศาลของตลาด DeFi และ NFTs ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในการขยายตัวของ Ethereum เนื่องจากจำนวนการใช้งานและจำนวนผู้ใช้ยังคงไหลเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม layer-2 คืออนาคตของการปรับการขยายตัวของ Ethereum และอาจจะเป็นเพียงวิธีเดียวที่ปลอดภัยที่สุดในการขยายตัวในขณะที่ยังคงต้องการความเป็น Decentralized ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของบล็อกเชน ซึ่งถูกกล่าวโดย Vitalik Buterin ผู้ร่วมสร้าง Ethereum ในงาน Shanghai International Blockchain Week ปี 2021

อย่างไรก็ตาม Vitalik ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “จริง ๆ แล้วแผนการของของ ETH2 นั้นสามารถมาใช้ในการขยายตัวในระยะนี้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ความสามารถการใช้งานในขึ้นตอนสุดท้ายนั้นยังคงต้องรออีกหลายปี”

Vitalik ได้ยอมรับว่ามีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องทำให้ ETH สามารถขยายตัวได้มากขึ้นในช่วงนี้ แต่เนื่องจาก Ethereum native scaling จะใช้เวลาในการโรลอัพนานเกินไป ดังนั้นจึงมองหาโซลูชันเพิ่มเติมอย่าง layer-2 ที่จัดการธุรกรรมนอกเครือข่าย layer-1 ซึ่งธุรกรรมบน layer-1 นั้นสามารถปรับขนาดเพิ่มขึ้นได้มากถึง 100 เท่าด้วยกัน

ปัจจุบัน layer-2 ที่เปิดตัวได้แก่ Polygon Hermez , Loopring, ZKSync, Optimism และ Arbitrum One โดยตอนนี้ต้นทุนในการทำธุรกรรม ETH บน Polygon อยู่ที่ 0.25 ดอลลาร์โดยลดลงจาก 6.84 ดอลลาร์

CEO ของ ETH ยังได้บอกว่าการโรลอัพเป็นหนทางที่ง่ายกว่าและสะดวกต่อความต้องการในระยะสั้น ซึ่งคงจะต้องปรับกลยุทธ์สำหรับอนาคตอันใกล้และกลางของระบบนิเวศใน ETH ด้วย แม้ว่าการโรลอัพในระยะยาวนั้นจะมีความซับซ้อนกว่าแต่ก็มีความปลอดภัยสูงและมีแนวโน้มที่จะเป็นที่นิยมมากกว่า

ทั้งนี้แอปพลิเคชันระดับองค์กรก็สามารถใช้การโรลอัพเมื่อเทคโนโลยีพร้อม และเพลิดเพลินกับค่าธรรมเนียมต่ำโดยไม่จำเป็นต้องแยกบล็อกเชนส่วนตัวอีกด้วย

แม้ว่าเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันจะก้าวหน้าไปมาก แต่ก็ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำซึ่งคือการกระตุ้นให้นักพัฒนาแอปพลิเคชันทำงานอย่างแข็งขันเพื่อย้ายไปยังส่วนรวมอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แอปพลิเคชันที่ไม่ใช่ทางการเงินที่ต้องการให้าสามารถลดค่าธรรมเนียม เนื่องจากผู้ใช้ไม่ต้องการจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงมากจนเกินไป ซึ่ง NFTs, Ethereum Name Service (ENS), light-clients, Decentralized Autonomous Organisation (DAOs) ก็สามารถย้ายไปใช้แบบโรลอัพได้เช่นกัน 

อย่างไรก็ตามโรลอัพที่เข้ากันได้ดีกับ Ethereum Virtual Machine (EVM) โดย Vitalik ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “การปรับขนาด Ethereum ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่เป็นแผนงานที่ชัดเจนที่มีการพัฒนา เผยแพร่แผนงานจำนวนมาก และกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ”