<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Mt. Gox เตรียมคืน Bitcoin ให้เหยื่อกว่า 150,000 BTC นักเทรดหวั่นตลาดโดนทุบจนย่อยยับพังพินาศ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Nobuaki Kobayashi กล่าวเป็นนัยในเดือนตุลาคมว่าการพิจารณาคดีดำเนินมากถึงขั้นสุดท้ายและดูเหมือนจะมีอุปสรรคสำคัญในกระบวนการชดเชย โดยบอกเป็นนัยว่านักลงทุนยื่นคำร้องสามารถรับเงินได้ทันที

แผนฟื้นฟูกิจการเพื่อชดเชยนักลงทุนบน Mt. Gox กระดานเทรด crypto ที่เคยใหญ่ที่สุดในโลกหลังจากถูกแฮกเกอร์ขโมยบิตคอยน์จากระบบไปจำนวน 850,000 BTC ได้ข้อสรุปแล้วหลังจากได้รับการยืนยันจากศาลญี่ปุ่น

ตามประกาศเมื่อวันอังคารจากผู้ดูแลทรัพย์สินของ Mt. Gox โดย Nobuaki Kobayashi มีแผนฟื้นฟูที่ยื่นฟ้องในศาลแขวงโตเกียวในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นคำสั่งยืนยันแผนฟื้นฟูกิจการในระบบศาลของญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการที่ยาวนานที่เริ่มต้นด้วยคำร้องปี 2018 เพื่อชดเชยนักลงทุนในกระดานเทรดที่ปิดตัวลงในต้นปี 2014

Kobayashi กล่าวว่าเขาจะติดต่อรายละเอียดของระยะเวลา ขั้นตอน และจำนวนเงินของการชำระหนี้กับนักลงทุนที่ตามข้อเรียกร้องบนแผนที่ได้รับอนุมัติ แม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่าจะชำระเงินเป็น Bitcoin (BTC) หรือ Fiat ก็ตาม แต่ประกาศดังกล่าวยังกล่าวว่านักลงทุนอาจต้องลงทะเบียนรายละเอียดบัญชีธนาคารของตนบนเว็บไซต์เพื่อรับค่าตอบแทนมิฉะนั้นอาจประสบปัญหาและพลาดโอกาสสำคัญ

การอัปเดตจาก Kobayashi เกิดขึ้นหลังจากการโหวตเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมาจากผู้ใช้ Mt. Gox หลายพันคน ซึ่งคาดว่ามีการสูญเสียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากนักลงทุนประมาณ 99% ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดตัวของกระดานเทรด crypto ในญี่ปุ่น โดยมีการโหวตรับการอนุมัติร่างแผนฟื้นฟูกิจการจากนักลงทุนทั้งหมดคิดเป็นประมาณ 83% 

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการปิดตัวของอดีตกระดานเทรดระดับโลกได้รายงานว่าการสื่อสารที่ไม่บ่อยนักเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูนำไปสู่ความสงสัยในช่วงเวลาของการชำระหนี้

Mt. Gox เปิดตัวครั้งแรกในปี 2010 โดยโปรแกรมเมอร์ Jed McCaleb และต่อมาซื้อโดย Mark Karpelès ซึ่งในเวลาต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในกระดานเทรดที่ใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงแรก ๆ ของ cryptocurrency แต่ด้วยเหตุการณ์การแฮ็กในปี 2011 และปิดตัวของกระดานเทรดในภายหลังส่งผลกระทบต่อนักลงทุนเกือบ 24,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ถือสกุลเงินดิจิทัล

ทั้งนี้เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลให้กระดานเทรดสูญเสียเงินกว่า 850,000 BTC หรือประมาณ 460 ล้านดอลลาร์ในขณะนั้น และ 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในขณะนี้ ซึ่งตามรายงานจะมีการชดเชยเกิดขึ้นประมาณ 150,000 BTC