<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ทำไมผู้คนจำนวนมากจึงควรหันมาใช้ Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Bitcoin ยังไม่ถูกยอมรับเป็นวงกว้างแต่เราก็เห็นประโยชน์ของมันในหลายรูปแบบ โดยบทความนี้เป็นบทความของนาย Don McAlister ซึ่งเป็นนักเทคโนโลยีและเป็นผู้นำเสนอ Bitcoin ให้คนส่วนใหญ่รู้จัก

แม้ว่าโดยปกติแล้วจะมอง Bitcoin ว่าเป็น Store of Value และเป็นเทคโนโลยีการออมที่ยอดเยี่ยม แต่ Bitcoin ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้มันเป็นแบบนั้น แต่ในบทความนี้ ผมจะพูดถึงเหตุผลที่ทำไมเราควรถือมันไว้

ผู้คนไม่เต็มใจที่จะใช้ bitcoin ทำไมสิ่งนี้ถึงเป็นเรื่องไม่ดี?

หนึ่งในอุปสรรคที่ทำให้ Bitcoin ไม่สามารถใช้งานได้อย่างแพร่หลายคือ ผู้คนยังรู้สึกใหม่กับ Bitcoin อยู่ และมีแนวคิดบางอย่างอยู่เบื้องหลัง พวกเขาไม่สามารถมองออกว่าจะใช้เทคโนโลยีของมันในรูปแบบไหนดีทำให้มองไม่เห็นถึงข้อดีของ Bitcoin สุดท้ายแล้วเงินจะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณไม่ใช้มัน ในอดีต Bitcoin นั้นใช้งานยากเนื่องจากเทคโนโลยีในที่ยังซับซ้อน เมื่อผู้คนไม่ได้เห็นการใช้งาน Bitcoin ในการใช้จ่ายจริง ๆ การยอมรับในวงกว้างก็จะทำได้ยากขึ้น หรือพูดอีกอย่างนึงก็คือ ทำให้ Bitcoin ยังไม่ถูกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน

เพื่อให้ Bitcoin เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เราต้องสามารถแลกเปลี่ยน Bitcoin กับสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ ตาม White paper ของ Bitcoin บอกว่า Bitcoin ว่าเป็น “ระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบ Peer-to-Peer” และเดิมที Bitcoin ได้รับการสนับสนุนให้เป็นเงินสดดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันเป็น Store of Value ขนาดใหญ่ ผู้ที่ถือต่างตั้งตารอคอยว่ามันจะพุ่งขึ้นไป  10 เท่า หรือ 100 เท่า เมื่อ Bitcoin ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น

ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงอุปสรรค์ที่คอยขัดขวางไม่ให้ผู้คนหันมาใช้จ่ายด้วย Bitcoin และพูดถึงมุมของที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเมื่อเราใช้ Bitcoin ในการใช้จ่าย

การออม vs การใช้จ่าย

คุณอาจเคยได้ยิน Meme “Stacking Sats” นี่เป็นคำศัพท์ทั่วไปในหมู่ Bitcoiners ที่ต้องการสะสม Bitcoin เพื่อผลกำไรในอนาคต โดย “Sat” เป็นตัวย่อของ “satoshi” ซึ่งเป็นสกุลเงินที่เล็กที่สุดของ Bitcoin แต่ละ bitcoin สามารถแบ่งออกเป็น 100,000,000 sats

ความจริงก็คือเราไม่สามารถ “stack sats” ได้ตลอดไป เราไม่สามารถแปลงทุก ๆ หน่วยของสกุลเงิน fiat มาเป็น sats  และ HODL (ถือ) ไว้ได้ตลอดไป ทุกคนต้องใช้เงินในชีวิตประจำวัน เช่น จ่ายบิล ซื้ออาหาร พักผ่อน ฯลฯ

ค่าใช้จ่ายในการใช้ Bitcoin

เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการยอมรับ Bitcoin และมีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ bitcoin จากกระดานเทรด

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เราเริ่มเห็นค่าใช้จ่ายเหล่านี้ลดลงแล้ว โดยบริษัท Strike ในสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศว่าเขาจะลดค่าธรรมเนียมลดในระดับที่ถูกที่สุด เมื่อซื้อ Bitcoin ผ่านแอพของพวกเขา และยังมีบริษัทอื่น ๆ เช่น Swan ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำมากเช่นกันและตอนนี้พวกเขากำลังพัฒนาให้ค่าธรรมเนียมถูกลงกว่านี้อีก

แต่คุณไม่จำเป็นต้องซื้อ Bitcoin เสมอไป คุณสามารถรับ Bitcoin ได้โดยที่ค่า fee เป็น 0

ในการประชุม Bitcoin 2022 ทางบริษัท Cash App ประกาศว่าจะสามารถเปลี่ยนเช็คเป็น Bitcoin ได้ฟรี ด้วยการแปลงเงินจริงเป็น Bitcoin อัตโนมัติ ทำให้คุณสามารถ HODL ไว้ หรือจะนำมาใช้จ่ายก็ได้

ความเร็วและต้นทุนในการทำธุรกรรม

ธุรกรรมของ Bitcoin จะถูกบันทึกลงบน Blockchain เป็นแบบกระจายอำนาจ ซึ่งการกระจายอำนาจเป็นหนึ่งในจุดเด่นของ Bitcoin ที่ระบบการเงินแบบเดิมไม่มี ข้อมูลที่บันทึกลงไปบน Blockchain เราจะเรียกว่า “on-chain”

ธุรกรรม Bitcoin แบบ on-chain มักถูกมองว่าช้า เพราะ Blockchain ของ Bitcoin ไม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อการประมวลผลธุรกรรมที่รวดเร็ว และจากการออกแบบนั้น ทำให้มีข้อจำกัดในแง่ของปริมาณธุรกรรม ธุรกรรมที่เกิดขึ้นบน Blockchain จะถูกประมวลผลร่วมกันทุก ๆ 10 นาที ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้าในการทำธุรกรรม 

ธุรกรรม Bitcoin แบบ on-chain อาจจะมีราคาแพงเช่นกันถ้าเกิดในช่วงที่มีการแออัดของธุรกรรม แม้ว่าค่า fee จะไม่แพงนักสำหรับธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง แต่ค่า fee ของธุรกรรมที่มีขนาดเล็กอาจสูงเมื่อเทียบกับขนาดธุกรรม ตอนที่ Bitcoin เปิดตัวครั้งแรกและยังมีราคาถูก ค่า fee นั้นถือมีว่ามีค่าถูกมาก แต่เมื่อมูลค่าของ Bitcoin เพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้การทำธุรกรรมขนาดเล็กบนระบบ Blockchain แบบ On-chain เป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่าในการทำ

การเปิดตัว Lightning Network เข้ามาแก้ปัญหาด้านความเร็วและต้นทุน โดย Lightning Network เป็นโปรโตคอล Layer-2 ที่อยู่บนเครือข่าย Bitcoin และช่วยให้สามารถทำธุรกรรมได้แทบจะในทันทีและแทบจะไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังรองรับธุรกรรมได้มากขึ่น ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้มากกว่าระบบการชำระเงินปัจจุบัน เช่น Visa และ Mastercard

Lightning Network รองรับในกระเป๋า Bitcoin เกือบทั้งหมด รวมทั้งในกระดานเทรด เช่น CoinCorner, Bitfinex และ Kraken นอกจากนี้ เราเห็นการรองรับ Lightning ที่รวมอยู่ในแอปสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำ เช่น Cash App

ความผันผวนของราคา Bitcoin

ถ้าพูดถึง Bitcoin ใคร ๆ ก็ต้องพูดถึงความผันผวนของมัน และสิ่งที่เป็นสิ่งที่สร้างความกังวลให้กับผู้ใช้งาน

ตอนนี้มีวิธีจัดการกับความผันผวนผ่านทาง Lightning Network ที่ทำให้สามารถแลก Bitcoin เป็นสกุลเงิน Fiat ได้แทบจะทันที ทำให้ปัญหาความผันผวนขณะทำธุกรรมถูกตัดออกไป

วิธีนี้สามารถทำได้โดยใช้เซิร์เวอร์ของ BTCPay ซึ่งเป็น Open-Source Project ที่อนุญาตให้ผู้ค้ายอมรับการชำระเงินด้วย Lightning ได้โดยตรง และสามารถเปลี่ยนจาก

ประโยชน์ในการใช้จ่ายทั่วไป

การชำระเงินด้วย Bitcoin ค่อนข้าง่ายสำหรับการซื้อขายแบบออนไลน์ แต่จำเป็นต้องมีการปรับเข้าให้กับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Strike ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Shopify และผู้ผลิต Point-of-Sale (POS) เช่น NCR ที่จะนำการผสานรวม Lightning ไปยังร้านค้าปลีกหลายแห่งในสหรัฐฯ และทั่วโลกโดยตรง ด้วยการทำงานร่วมกับเครื่อง POS ในร้านค้า จะทำให้การจ่ายใช้จ่ายด้วย Bitcoin โดยใช้ Lightning Network ง่ายเหมือนกับการสแกน QR code

การพัฒนาครั้งนี้จะมีประโยชน์มากในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ร้านค้าต่าง ๆ จะสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำมาก ซึ่งถ้าเทียบกับเทคโนโลยีปัจจุบันของทางสถาบันการเงิน พวกเขาจะไม่อนุญาติให้มีการชำระทันทีและมีค่าธรรมเนียมที่อาจจะมากถึง 3% การใช้ Lightning Network จะทำให้ร้านค้าประหยัดเงินได้ถึง 3%

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้อาจจะทำให้ความนโยบายคุ้มครองผู้บริโภคไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น หากมีการร้องเรียน ทางร้านค้าสามารถปฏิเสธการคืนเงินได้ เพราะระบบ Blockchain จะไม่มีใครมาควบคุมมาบังคับให้ร้านค้าทำตาม

การโอนเงินระหว่างบุคคล

ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกแม้ว่าการชำระเงินด้วย Bitcoin จะทำได้เงินเหมือน QR code แต่ก็การโอนที่ต้องการใบแจ้งหนี้จะทำให้เกิดปัญหา เพราะการสร้างใบแจ้งหนี้ใน Lightning Network จะเป็นตัวเลขหลาย ๆ หลัก ทำให้ดูได้ยาก

ล่าสุดมีการพัฒนา Lightning Address หรือ LNURL กลไกนี้จะใช้งานง่ายเหมือนอีเมล แต่มันเหมือนมาก ๆ โดยเวลาใช้เราจะพิมพ์ [email protected] เหมือนกับการอีเมลหาใคร แต่ความจริงแล้วคือการส่ง Bitcoin ผ่าน Lightning Network

เมื่อมีการแลกเปลี่ยนที่รองรับ Lightning Addresses (เช่น CoinCorner) หรือกระเป๋าเงินที่รองรับ (เช่น Wallet of Satoshi) คุณจะมี Lightning Addresses ของคุณเอง

The Bolt card

CoinCorner ได้เปิดตัว The Bolt Card ในสหราชอาณาจักร เพื่อนำมาใช้ในการชำระเงินด้วย Bitcoin

ในสหราชอาณาจักร การชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัสเป็นเรื่องปกติมากเมื่อใช้เครือข่าย Visa หรือ MasterCard ไม่จำเป็นต้องใช้แอพ เพียงแค่การ์ด Near Field Communication (NFC) ที่ให้คุณแตะอุปกรณ์ ณ จุดขายเพื่อชำระเงิน

แต่การชำระเงินด้วย bitcoin เรายังจำเป็นใช้ กระเป๋า Bitcoin จำเป็นต้องมีแอปอยู่บนเครื่อง ต้องแสกน QR code และกดปุ่มเพื่อยืนยันการทำธุรกรรม และเรายังต้องใช้เน็ตที่มีความเร็วคงที่เพื่อให้ธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งวิธีการใช้งานยังยุ่งยากกว่าการใช้ NFC

The Bolt Card จะเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยเราจะต้องเชื่อมบัญชี CoinCorner กับบัตร The Bolt Card เพื่อใช้งาน โดยเพียงคุณบัตรของคุณลงบนอุปกรณ์ Point-of-Sale เช่นกับบัตร Visa หรือ MasterCard คุณก็จะสามารถชำระเงินด้วย Bitcoin ได้แล้ว โดยบัตร Bolt Card ใช้ NFC เพื่อสื่อสารกับอุปกรณ์ POS เพื่อทำธุรกรรมโดยไม่จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ต โดยทั้งหมดนี้สร้างขึ้นจากระบบ LNURL

ปัจจุบันบัตรนี้สามารถใช้ได้เฉพาะใน เกาะไอล์ออฟแมนและสหราชอาณาจักร และคาดว่าจะเปิดตัวให้้กันทั่วโลกภายในเวลา 1 ปี

ภาษีกำไรจากเงินลงทุน

ในบางประเทศการขายหรือโอน Bitcoin อาจมีภาษีกำไรจากเงินลงทุน นี่อาจจะเป็นปัญหาสำหรับ Bitcoin ที่ถือไว้เป็นระยะเวลานาน

การจ่ายบิลต่าง ๆ

ในสหรัฐอเมริกา บริษัท Bitrefill ได้มีการเปิดตัวบริการ Pay Bill ซึ่งช่วยให้คุณสามารถชำระบริการต่าง ๆ เช่น บริษัทสาธารณูปโภคหรือผู้ให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัย ฯลฯ โดยใช้ Bitcoin ได้ บริการนี้ใช้ได้เพราะบางคนที่ได้รับเชิญเท่านั้น เราต้องคอยดูกันต่อไปว่าเมื่อไหร่บริษัทใหญ่ ๆ จะเริ่มยอมรับ Bitcoin เป็นการชำระเงินโดยตรง 

สรุป

ขณะนี้หลายแห่งมีการรองรับใช้งาน Bitcoin และมีอีกหลายแห่งที่จะรองรับในเร็ว ๆ นี้ จนกว่า Bitcoin จะถูกมองว่าเป็นวิธีการชำระเงินที่ดีและรวดเร็ว เราควรพยายามทำความเข้าใจ Bitcoin และประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อมีผู้คนเข้ามาใช้ bitcoin มากขึ้น และมันจะทำให้มูลค่าที่แท้จริงของมันปรากฏออกมาให้เราได้เห็น

เนื่องจาก Lightning Network ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น มันจะเป็นการปูทางให้ Bitcoin ถูกใช้เป็นหน่วยของระบบการเงินด้วย และควรอาจจะเริ่มเห็นราคาสินค้าเป็น Bitcoin หรือ Sat เนื่องจาก Bitcoin มีความสามารถถึงระดับที่สามารถเป็นสกุลหนึ่งของโลกได้ ลองนึกภาพว่าเราเดินทางรอบโลกโดยใช้เพียงแค่กระเป๋าเงิน Lightning เพียงใบเดียวและชำระค่าสินค้าและบริการตามมาตรฐานการเงินโลก โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสกุลเงิน 

นี่คือบทความของนาย Don McAllister โดยความคิดเห็นที่เขียนเป็นความคิดเห็นของเขาเองทั้งหมด
Source: BitcoinMagazine