หลังจากที่ PayPal ได้เปิดตัวเหรียญ stablecoin ของตัวเองในวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมาในชื่อ PYUSD ซึ่งได้สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก จากการที่บริษัท Fintech มูลค่ากว่า 68 พันล้านดอลลาร์ก้าวเข้ามาในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้สวยหรูเสมอไป เพราะว่า Paypal ในตอนนี้ กำลังประสบปัญหาในการแข่งขันกับเจ้าตลาดเดิม
ที่ต่อให้มีชื่อเสียงจากตัวบริษัทอยู่แล้ว แต่กลับล้มเหลวในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด ซึ่งเหรียญ PYUSD มีการเติบโตขึ้นมาเพียงแค่ 0.05% เท่านั้น เมื่อเทียบกับเจ้าตลาดเดิมอย่าง Tether ( USDT)
โดยทุนสำรองของ Paypal มีเพียงแค่ 45.3 ล้านดอลลาร์เท่านั้น เมื่อเทียบกับ Tether ทีมีกว่า 83.1 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงปัญหาที่มีคนไปพบโค้ดในตัวเหรียญที่อนุญาตให้ Paypal หยุดหรือทำลาย Wallet ของบริษัทในวันเปิดตัวเหรียญอีกด้วย ซึ่งก็ได้สร้างกระแสลบต่อตัวเหรียญเป็นอย่างมาก
ทางด้านนักวิเคราะห์ของ Bank of America มองว่า PYUSD จำเป็นที่จะต้องสู้กับ CBDC และเหรียญ stablecoin ที่ให้ yield เพื่อที่จะอยู่รอดในตลาดให้ได้
แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องร้ายเสมอไป เพราะเหรียญได้รับการอนุมัติจากทาง กระทรวงบริการทางการเงินแห่งรัฐนิวยอร์ก (NYDFS) อีกด้วย ในขณะที่ลบสินทรัพย์เก่าเช่น Litecoin, Dogecoin และ Ripple ออกไป
รวมถึงการที่บริษัทผู้อยู่เบื้องหลัง BUSD อย่าง Paxos ที่ได้ถือสินทรัพย์ที่ใช้หนุน PYUSD เพื่อที่จะปกป้องในกรณีที่บริษัทล้มละลายอีกด้วย
ดูเหมือนว่าในตอนนี้ Paypal จะประสบปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการที่ไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนจาก Tether ได้ ความเสี่ยงจะมีปัญหาด้านกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้น และคำกล่าวหาว่าไม่มีความกระจายศูนย์ของตัวเหรียญ
ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่าทาง Paypal จะต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ที่กล่าวมานี้และขึ้นมาเป็นเหรียญชั้นนำของโลกได้หรือไม่
ที่มา: Protos