ชุมชนคริปโตทั่วโลกตกตะลึงเมื่อ The_Solstice ผู้ใช้แพลตฟอร์ม X ได้เปิดเผยภาพข้อเท็จจริงที่ชี้ให้เห็นว่าเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด 10 อันดับแรกต่างก็มีปัญหาที่น่ากังวลด้วยกันทั้งสิ้น
เริ่มต้นจาก Bitcoin ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งเหรียญคริปโตทั้งปวง ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าตัวของซาโตชิได้เก็บเหรียญไว้ถึง 1 ล้าน BTC ก่อนที่จะหายตัวไปตลอดกาล ซึ่งก็เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่เขาทิ้งคอมมูนิตีไปให้ดูแลกันเอง
ถัดมาในลำดับที่ 2 คือ Ethereum ก็มีประเด็นดราม่าเกิดขึ้นในช่วงนี้ จากการที่ Vitalik Buterin หนึ่งในหัวหอกนักพัฒนาหลักที่ถูกชาวเน็ตแซวว่า “ติดแฟนสาว” เข้าขั้นหนักและไม่เอาเวลามาดูแลโปรเจกต์ ขณะที่มีคนในทีมพัฒนานำเหรียญออกมาเทขายส่งผลให้ราคาเหรียญ Ethereum ยังคงจมอยู่ไม่สามารถขึ้นมาได้ แม้จะมีการเปิดตัวกองทุน ETF แล้วก็ตาม
ข้ามมาในลำดับที่ 4 อย่าง Binance (BNB) ตัวของผู้ก่อตั้งอย่าง “CZ” Changpeng Zhao ปัจจุบันก็ยังคงติดคุกอยู่ในสหรัฐฯ จากคดีฟอกเงิน และคาดว่าจะได้รับการปล่อยตัวในเร็ววันนี้
ลำดับที่ 5 Solana ก็ยังไม่รอดเพราะตัวทำการตลาด (Market Maker) หลัก ๆ ให้กับโปรเจกต์ก็ติดคุก ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือ Sam Bankman Fried อดีตผู้ก่อตั้งและ CEO ของเว็บเทรด FTX ที่สร้างดราม่ากระฉ่อนโลกนั่นเอง
ข้ามไปลำดับที่ 7 อย่าง XRP ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า โปรเจกต์เหรียญคริปโตตัวนี้มีคดีความติดตัวยาวเป็นหางว่าว และบางคดีก็ดันไปมีเรื่องกับขาใหญ่อย่าง SEC อีกต่างหาก
ต่อมาในลำดับที่ 8 Dogecoin ตัวของผู้ก่อตั้งก็ไม่ได้มีการถือเหรียญของตัวเองไว้เลย
ส่วนลำดับที่ 9 Tron เองตัวของผู้ก่อตั้งอย่าง Justin Sun นอกจากช่วงนี้จะติดเกม Wukong แล้ว ยังคอยปั่นตลาดเชียร์แพลตฟอร์มสร้างเหรียญมีมของตัวเองอยู่เรื่อย ๆ
และสุดท้ายลำดับที่ 10 อย่าง TON ปัจจุบันซีอีโอของเทเลแกรมก็ได้ถูกจับกุมตัวอยู่และยังไม่ทราบถึงชะตากรรมว่าจะเกิดอะไรต่อไป
ทั้งนี้โพสต์ต้นฉบับไม่ได้มีการโจมตีสกุลเงิน Stablecoin ทั้งสองอย่าง USDT และ USDC แต่ก็ได้มีชาวเน็ตมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ทั้งสองก็ไม่ต่างอะไรกับโรงพิมพ์ที่ปริ้นต์เงินออกมาเรื่อย ๆ อย่างไม่มีจำกัด
นอกจากนี้ชาวเน็ตยังออกมาแซวเหรียญคริปโตลำดับที่ 11 อย่าง Cardano (ADA) ด้วยว่า ปัจจุบันผู้ก่อตั้งอย่าง Charles Hoskinson เอาเวลาพัฒนาไปนั่งสมาธิฝึกตนในหิมะ อย่างไรก็ตามภาพดังกล่าวเป็นภาพเก่าและทำขึ้นมาเพื่อล้อเลียนเฉย ๆ เพราะไม่นานมานี้ทาง Cardano ก็เพิ่งทำการ Chang Hard Fork ไปได้สำเร็จ