Matthew Sigel หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ VanEck ได้เสนอไอเดียใหม่เพื่อแก้ปัญหาหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่กำลังพุ่งทะลุ 14 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยการออกพันธบัตรลูกผสมที่เรียกว่า Bitcoin Bonds หรือ BitBonds
ในโพสต์ล่าสุดบนแพลตฟอร์ม X Sigel ได้เผยว่า พันธบัตรนี้จะมีอายุ 10 ปี และมีการจัดสรร 90% ของเงินลงทุนไปที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และอีก 10% ที่ Bitcoin
BitBonds นี้จะมีราคาขายที่ 100 ดอลลาร์ โดย 10 ดอลลาร์แรกจะถูกนำไปซื้อ Bitcoin ทันที โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการเติบโตของ Bitcoin แบบเต็มที่ จนกว่าจะถึงจุดที่ผลตอบแทนรวมแตะ 4.5% ต่อปี หลังจากนั้นผลกำไรส่วนเกินจาก Bitcoin จะถูกแบ่งครึ่งระหว่างรัฐบาลกับนักลงทุน และเมื่อครบกำหนด 10 ปี นักลงทุนจะได้รับเงินคืน 90 ดอลลาร์ พร้อมมูลค่าของ Bitcoin ที่เหลือ
Sigel ยังระบุว่า BitBonds จะให้ผลตอบแทนดีกว่าพันธบัตรปกติ หากราคา Bitcoin เติบโตเกินจุดคุ้มทุน (Breakeven CAGR) ซึ่งจุดคุ้มทุนนี้จะขึ้นกับอัตราดอกเบี้ย เช่น ถ้าดอกเบี้ย 4% จะคุ้มทุนทันที แต่ถ้าแค่ 1% ต้องให้ Bitcoin เติบโตเฉลี่ย 16.6% ต่อปีถึงจะคุ้ม
อ้างอิงจากข้อมูลของ Sigel อัตราการเติบโตเฉลี่ยของ Bitcoin อยู่ระหว่าง 30-50% หากยังรักษาระดับนี้ไว้ได้ นักลงทุนใน BitBonds อาจได้รับผลตอบแทนรวมสูงสุดถึง 282% ในช่วง 10 ปี
สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ แนวคิดนี้อาจช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้มหาศาล หากสามารถออก BitBonds ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ เช่น 2.6% หรือน้อยกว่านั้น โดยตัวอย่างเช่น ถ้าออก BitBonds มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ ที่ดอกเบี้ย 1% แล้ว Bitcoin โตเฉลี่ย 30% ต่อปี รัฐบาลอาจได้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นถึง 40 พันล้านดอลลาร์
แม้จะดูน่าสนใจ แต่ Sigel ยอมรับว่ามีข้อเสีย เช่น นักลงทุนต้องแบกรับความเสี่ยงขาลงของ Bitcoin เต็มตัว แต่เมื่อราคาขึ้น นักลงทุนจะได้รับกำไรเพียงบางส่วนเท่านั้น อีกทั้งหากดอกเบี้ยต่ำมาก นักลงทุนอาจต้องรอให้ Bitcoin ทะลุ 383,000 ดอลลาร์ในปี 2035 ถึงจะไม่ขาดทุน
สุดท้าย Sigel ยืนยันว่า แม้ BitBonds ยังไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบ แต่โครงสร้างสามารถปรับปรุงได้ในอนาคต พร้อมเสนอว่ารัฐบาลควรพิจารณาควบคุมหรือออกกฎรองรับหากจะเดินหน้าจริงในโมเดลนี้
ที่มา: Cryptopolitan