สถานการณ์การค้าระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในจุดที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เมื่อกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้เตรียมส่งทีมผู้แทนเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันนี้ (30 เม.ย.) เพื่อเปิดฉากการเจรจาครั้งสำคัญกับสหรัฐฯ
การเจรจาครั้งนี้ มีเป้าหมายหลักคือ การหาทางบรรเทาผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่กำลังจะถูกบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 8 กรกฎาคม 2025
ทีมเจรจาจากแดนกิมจิมีกำหนดการที่จะหารือในเชิงลึกกับสำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) โดยภารกิจสำคัญคือ การร้องขอให้สหรัฐฯ พิจารณายกเว้นหรือผ่อนปรนมาตรการภาษีที่อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าอุตสาหกรรมหลักของเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เหล็กกล้า และสินค้าอื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ประกาศใช้อัตราภาษีนำเข้าสูงสุดถึง 25% ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ หรือเกาหลีใต้ไม่ได้รับการยกเว้น ภาษีดังกล่าวก็จะถูกบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งสร้างความกังวลให้กับภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก
การเคลื่อนไหวล่าสุด ก่อนการเดินทางมายังกรุงวอชิงตันในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ ‘นายอัน ด็อก-กึน’ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ‘นายชเว ซัง-มก’ ได้เดินทางไปเจรจาที่สหรัฐฯ มาแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะร่วมกันจัดทำแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น การเดินทางของทีมเจรจาในวันนี้ จึงเป็นการสานต่อความร่วมมือและความคืบหน้าจากการหารือในครั้งก่อน
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ได้ออกมาเน้นย้ำว่า การหารือในขณะนี้ยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นตอนของการเจรจาอย่างเป็นทางการ แต่เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมของทั้งสองฝ่ายสำหรับการเจรจาที่คาดการณ์ว่าอาจต้องใช้เวลาอีกพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศเกาหลีใต้เองเข้ามาเกี่ยวข้อง
เนื่องจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้จะมีขึ้นในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางการเจรจาในอนาคตได้ นอกจากนี้ ปัจจัยทางการเมืองในสหรัฐฯ เองก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อกระบวนการเจรจาในครั้งนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ อุปสรรคสำคัญในการเจรจาครั้งนี้ก็มีอยู่ โดย ‘นายพัค ซัง-แท็ก’ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ ได้ชี้ให้เห็นว่า กฎหมาย Jones Act ของสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดให้เรือที่ใช้ในการขนส่งสินค้าภายในประเทศสหรัฐฯ ต้องเป็นเรือที่สร้างขึ้นในประเทศนั้น ถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเจรจาในประเด็นด้านการต่อเรือ
นอกเหนือจากประเด็นภาษีนำเข้าแล้ว เกาหลีใต้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาโครงการก๊าซธรรมชาติ (LNG) มูลค่ามหาศาลถึง 44,000 ล้านดอลลาร์ กับรัฐอลาสก้า โดยสหรัฐฯ หวังที่จะได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นสำหรับโครงการนี้
ในส่วนของแผนงานในอนาคต ทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะร่วมกันทบทวนมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTB) ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้ารถยนต์ ข้าว และเนื้อวัว
การเจรจาที่กำลังจะเกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันนี้ จึงเป็นอีกก้าวสำคัญที่ทั่วโลกกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเกาหลีใต้จะสามารถโน้มน้าวให้สหรัฐฯ ผ่อนปรนมาตรการภาษีนำเข้าที่กำลังจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของตนเองได้หรือไม่ และความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในเอเชียและอเมริกาจะดำเนินไปในทิศทางใดต่อไป
- ที่มาข่าว:cryptopolitan
- ที่มาภาพ:CNA