ZachXBT นักสืบ on-chain ชื่อดัง เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ผู้เสียหายจากเหตุการณ์ขโมย Bitcoin มูลค่ากว่า 330 ล้านดอลลาร์ เป็นบุคคล “สูงอายุ” ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา และตกเป็นเหยื่อของการโจรกรรมผ่าน “การหลอกลวงเชิงวิศวกรรมสังคม” หรือ Social Engineering Theft
เหตุการณ์เริ่มต้นจากการโอนเหรียญ Bitcoin ประมาณ 3,520 BTC ออกจากกระเป๋าของผู้เสียหายไปยังอีกที่อยู่หนึ่ง ซึ่ง ZachXBT เรียกการโอนนี้ว่าน่าสงสัยอย่างยิ่ง โดยเหรียญที่ถูกขโมยไปนั้นถูกส่งผ่านกระดานแลกเปลี่ยนมากกว่า 6 แห่ง ก่อนจะถูกแปลงเป็นเหรียญ Monero (XMR) ซึ่งเป็นเหรียญที่เน้นความเป็นส่วนตัว การแปลงเหรียญในปริมาณมากเช่นนี้ ทำให้ราคา XMR พุ่งขึ้นทันทีถึง 50% เนื่องจากสภาพคล่องต่ำ
“การหลอกลวงเชิงวิศวกรรมสังคม” มักเกิดจากการหลอกลวงผ่านอีเมลหรือเว็บไซต์ปลอม ที่หลอกให้เหยื่อกรอกข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือ private key เพื่อเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล และในกรณีนี้ ผู้ก่อเหตุสามารถหลอกเอาข้อมูลสำคัญจนสามารถเข้าถึงเหรียญได้โดยตรง
ZachXBT ยังตั้งข้อสังเกตว่าแหล่งที่มาของ Bitcoin ที่เหยื่อถืออยู่นั้นมีความ “น่าสนใจ” และอาจมีเรื่องราวเบื้องหลังการได้มาที่ไม่ธรรมดา ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดในจุดนี้
เหตุการณ์นี้นับเป็นหนึ่งในการโจรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ แพลตฟอร์ม Bybit ก็เพิ่งถูกขโมย Ethereum มูลค่ากว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์จาก cold wallet ซึ่งถูกยกให้เป็นการขโมยคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ก่อนหน้าที่ ZachXBT จะออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ อุตสาหกรรมคริปโตเพิ่งสูญเสียมูลค่ากว่า 92.5 ล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ ตามรายงานจาก Immunefi แพลตฟอร์มด้านความปลอดภัยและการแจ้งบั๊กในโลก Web3 ซึ่งสะท้อนว่า การรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษในยุคนี้
ที่มา: TheBlock