Peter Schiff นักเศรษฐศาสตร์และนักวิจารณ์ Bitcoin ชื่อดัง ได้ออกมาจุดกระแสดราม่าอีกครั้งผ่านทาง X เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเขากล่าวว่า “หากคุณต้องการซื้อ Bitcoin ก็ให้ซื้อ Bitcoin หากคุณต้องการลงทุนในตลาดหุ้น ก็ให้ซื้อบริษัทที่มีธุรกิจจริง”อ
เขามองว่าการถือ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว แต่การเข้าซื้อหุ้นของบริษัทที่มีการถือหรือเกี่ยวข้องกับ Bitcoin กลับเป็นตัวเลือกการลงทุนที่แย่กว่าเสียอีก และเรียกการลงทุนในหุ้นเหล่านี้ว่าเป็นวิธีที่ “ไร้เหตุผล” ในการเข้าสู่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
หลังโพสต์ของ Schiff แพร่กระจายไปในวงกว้าง ชาวเน็ตบางส่วนได้แสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่าการลงทุนโดยตรงใน Bitcoin ไม่สามารถทำได้ในบัญชีเพื่อการเกษียณอายุ โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร เนื่องจากข้อจำกัดในการเข้าถึง ETF ของ Bitcoin ยังคงมีอยู่มาก ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มต้องเลือกลงทุนผ่านบริษัทที่ถือ Bitcoin แทน
ในอีกมุมหนึ่ง Stack Hodler นักเทรดชื่อดังได้ออกมาชี้ให้เห็นผ่าน X เช่นกัน โดยระบุถึงความเสี่ยงของบริษัทที่ออกหุ้นอิง Bitcoin โดยไม่มีสินทรัพย์รองรับจริง โดยเขาระบุว่าบริษัทลักษณะนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกล่อนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนสูง แต่กลับไม่มอบคุณค่าหรือการใช้งานที่แท้จริง
ทั้งนี้นักวิจารณ์เหล่านี้ยังเรียกสินทรัพย์ลักษณะดังกล่าวว่าเป็น “เหรียญห่วยๆ ประจำวัฏจักรนี้” สะท้อนถึงความกังวลต่อการเติบโตของสินทรัพย์คริปโตที่ไร้พื้นฐานรองรับในตลาดปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม Pierre Rochard ซีอีโอของบริษัท Bitcoin Bond และอดีตรองประธานของ Riot Platforms ได้ออกมาปกป้องแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการถือและผลิต Bitcoin โดยระบุว่าบริษัทที่มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างมูลค่าจาก Bitcoin อย่างแท้จริง สามารถมอบประโยชน์ที่จับต้องได้แก่ผู้มีส่วนร่วมในตลาดหลายกลุ่ม
ปัจจุบัน บริษัทที่ดูแล Bitcoin กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วอย่าง Tether, SoftBank และ Cantor Fitzgerald เปิดตัว Twenty One Capital โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้ถือ Bitcoin ชั้นนำในองค์กร
ในขณะเดียวกัน Nakamoto Holdings ซึ่งนำโดย David Bailey ซีอีโอของ Bitcoin Inc. ร่วมกับ Strive Asset Management ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Vivek Ramaswamy ก็ได้ประกาศร่วมทุนเพื่อมุ่งเน้นการซื้อและบริหาร Bitcoin ในปริมาณมากเช่นกัน
โดยผู้สนับสนุนแนวทางนี้เชื่อว่า การถือ Bitcoin ไว้ในคลังของบริษัทเป็นทางออกที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่เผชิญข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ อีกทั้งยังเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ในตลาดคริปโตที่ยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
ที่มา: cryptobriefing