ดูเหมือนว่านักลงทุนชาวไทยจะมีเรื่องน่าจับตามองอีกครั้ง หลังรัฐบาลไทยได้ประกาศเปิดตัว G-Token พันธบัตรรัฐบาลในรูปแบบดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน
เครื่องมือระดมทุนยุคใหม่ของรัฐบาล
โดย G-Token (Government Token) คือพันธบัตรรัฐบาลในรูปแบบดิจิทัล ที่มีเป้าหมายเรียกระดมทุนจากประชาชนเพื่อนำมาใช้ชดเชยงบประมาณขาดดุลประจำปี 2568 ด้วยวงเงินรวมสูงถึง 5,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของรัฐไทยในการพลิกโฉมการเงินการคลังสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ
G-Token ไม่ใช่เงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซีแบบที่หลายคนเข้าใจผิด แต่เป็นตราสารหนี้ที่มีคุณสมบัติคล้ายพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล โดยประชาชนที่ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในอัตราที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ที่มีจุดเด่นคือสามารถเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินเพียง 1 บาท เปิดโอกาสให้คนรายได้น้อยเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น
โปร่งใส ตรวจสอบได้ ผ่านบล็อกเชน
สิ่งที่น่าสนใจคือ G-Token เป็นเหมือนใบรับรองทองคำที่ออกในรูปแบบดิจิทัล ที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง เพราะข้อมูลทั้งหมดถูกบันทึกบนบล็อกเชน ทำให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดโอกาสในการทุจริตหรือปลอมแปลง
โดยการซื้อขาย G-Token จะทำผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือผ่านแอปของบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมโครงการ ที่สามารถขายต่อในตลาดรองได้หากต้องการสภาพคล่อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้อดีที่เหนือกว่าพันธบัตรแบบเดิม
ความกังวลที่ยังต้องจับตา
อย่างไรก็ตาม เสียงสะท้อนจากนักวิชาการและฝ่ายค้านก็ยังคงมีความกังวลในเรื่องความเสี่ยง เช่น ความผันผวนของราคาในตลาดรอง หรือความยุ่งยากในการเข้าถึงของกลุ่มผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสของโครงการ และความเสี่ยงในการใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน
การระดมทุนผ่าน G-Token จึงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ของประเทศไทย ในการผลักดันนโยบายการเงินเข้าสู่ยุคดิจิทัล แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำควบคู่กันไป คือการสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นจากประชาชนให้ได้มากที่สุดก่อนจะเดินหน้าเต็มตัวในโครงการนี้
อ้างอิงข้อมูลจาก: The Standard, Ch7HD