บริษัทจากจีนอย่าง Cango Inc. ซึ่งเคยอยู่ในวงการสินเชื่อรถยนต์ กำลังเรียนรู้บทเรียนใหม่ในโลกของการขุด Bitcoin เมื่อพวกเขาตัดสินใจกระโดดเข้าสู่ธุรกิจนี้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่กลับพบว่า การแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดที่มีทรัพยากรจำกัด กำลังบีบให้ผลตอบแทนลดน้อยลงเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม อุปทานของ Bitcoin ทั่วโลกยังมีมากพอให้บริษัทอย่าง Cango มีที่ยืน โดยรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัทเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการขุดของพวกเขาได้รับผลกระทบจากจำนวนคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น
บริษัทได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างการขุดของตนเอง ซึ่งกระจายอยู่ใน 4 ทวีป โดยเป็นโมเดลแบบ asset-light คือการเช่าพื้นที่ขุดจากศูนย์ข้อมูลของบุคคลที่สามแทนการลงทุนสร้างเอง ซึ่งให้ความยืดหยุ่นในการขยายกำลังขุดได้เร็วขึ้น แต่แลกมาด้วยต้นทุนค่าไฟและค่าเช่าที่สูงกว่าศูนย์ขุดที่เป็นกรรมสิทธิ์ของคู่แข่ง
Cango ยังประกาศอย่างชัดเจนว่า พวกเขาจะไม่ขาย Bitcoin ที่ขุดได้เพียงเพราะตลาดผันผวน โดยยืนยันกลยุทธ์ “Mine and Hold” ซึ่งหมายถึงการขุดและถือครอง Bitcoin ไว้ในระยะยาว ซึ่งล่าสุดบริษัทมี Bitcoin ถือครองจำนวนทั้งหมด 2,944.8 BTC โดยยังไม่ขายแม้แต่เหรียญเดียวตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ธุรกิจ
“เนื่องจากเรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพของมูลค่า Bitcoin ในระยะยาว เราจึงเลือกกลยุทธ์ ‘Mine and Hold’ โดยให้ความสำคัญกับการขุดเองและการถือครองระยะยาว” Lin Jiayuan CEO ของ Cango กล่าว พร้อมย้ำว่าจะมุ่งพัฒนาทรัพยากรการขุดให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและมองหาโอกาสควบรวมกิจการเพื่อขยายขนาดให้เติบโตยิ่งขึ้น
กลยุทธ์นี้กำลังถูกทดสอบครั้งใหญ่ เมื่อราคาของ Bitcoin ร่วงจากจุดสูงสุดกว่า 100,000 ดอลลาร์ในเดือนมีนาคม ลงมาแตะระดับต่ำสุดที่ราว 76,000 ดอลลาร์ในเดือนถัดมา ก่อนที่จะกลับมาฟื้นตัวใกล้ระดับ 100,000 ดอลลาร์อีกครั้งในช่วงล่าสุด
ที่มา: Benzinga