BlackRock กองทุนจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของโลก เดินหน้าขยายพอร์ตสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง หลังล่าสุดกองทุน iShares Bitcoin Trust (IBIT) ซึ่งเป็น Bitcoin ETF ของบริษัท ได้สะสม Bitcoin มูลค่ากว่า 69.7 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 3.25% ของจำนวน Bitcoin ทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบ
ข้อมูลจาก Dune Analytics ระบุว่า IBIT ของ BlackRock ครองส่วนแบ่งตลาด Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ มากถึง 54.7% จากทั้งหมดที่ถือครองรวมกัน 6.12% ของอุปทาน Bitcoin ปัจจุบัน นับว่าเป็นก้าวที่สำคัญของ BlackRock ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีครึ่งหลังการเปิดตัว Bitcoin ETF เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2024
ท่ามกลางกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าต่อเนื่อง กองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ มีการสะสมสินทรัพย์สุทธิติดต่อกันถึง 8 วัน โดยมีมูลค่ารวม 388 ล้านดอลลาร์ในวันพุธที่ผ่านมา และ IBIT ได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นหนึ่งใน 25 ETF ใหญ่ที่สุดของโลก

ข้อมูลจาก VettaFi ชี้ว่า กองทุน IBIT ตอนนี้เป็น ETF ใหญ่ลำดับที่ 23 ของโลก ทั้งในกลุ่มคริปโตและการเงินแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่าแรงซื้อจากกองทุนเริ่มชะลอตัว เนื่องจากนักขุด Bitcoin และนักลงทุนระยะสั้นเริ่มขายทำกำไรออกมา
Iliya Kalchev นักวิเคราะห์จาก Nexo ระบุว่า การเบรกทะลุแนวต้านนี้ อาจต้องอาศัยปัจจัยใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่น” พร้อมเสริมว่าในช่วงนี้ กระเป๋าเงินที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานานกำลังดูดซับอุปทานมากกว่าที่นักขุดผลิตได้ ซึ่งยังพอชดเชยแรงขายจากฝั่งนักลงทุนเดิมได้บ้าง
รายงานจาก Glassnode ยังเผยอีกว่า แม้จำนวนธุรกรรมโดยรวมในเครือข่ายจะลดลง แต่ขนาดเฉลี่ยของแต่ละธุรกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 36,200 ดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้เล่นรายใหญ่ยังคงมีบทบาทสำคัญในการใช้งาน Bitcoin
โดยธุรกรรมมูลค่าเกิน 100,000 ดอลลาร์ คิดเป็นกว่า 89% ของกิจกรรมในเครือข่าย ยิ่งตอกย้ำว่าผู้เล่นรายใหญ่กลายเป็นกำลังหลักของตลาด Bitcoin ในปัจจุบัน

ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ถือ Bitcoin ระยะสั้นเหลือเพียง 4.5 ล้าน BTC ลดลงจาก 5.3 ล้าน BTC เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม สะท้อนว่ากระแส “New money” จากรายย่อยกำลังแห้งเหือดไป หากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อ ราคาของ Bitcoin อาจลงไปหาจุดรับถัดไปบริเวณ 92,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับราคาทุนเฉลี่ยของเทรดเดอร์ตามข้อมูล onchain จาก CryptoQuant

ที่มา: Cointelegraph