ในช่วงที่ผ่านมา เทคโนโลยีของ World ได้รับความสนใจจากสังคมเป็นอย่างมาก เพราะมีการนำอุปกรณ์ที่เรียกว่า “Orb”มาใช้สำหรับการสแกนม่านตาและใบหน้า จุดประสงค์ของมันไม่ใช่เพื่อยืนยันตัวตนว่า “คุณคือใคร” แต่เพื่อยืนยันว่า “คุณคือมนุษย์จริง” ในโลกดิจิทัล ซึ่งถือเป็นแนวคิดใหม่ที่หลายคนยังไม่คุ้นเคย
ภาพคำชี้แจงจาก World Thailand
อย่างไรก็ตาม เมื่อข่าวการใช้งาน Orb ถูกเผยแพร่ออกไป ได้เกิดกระแสความกังวลจากหลายฝ่าย ว่าเทคโนโลยีนี้อาจเกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหรือแม้แต่ข้อมูลชีวมิติ (Biometric Data) เช่น ภาพตาและใบหน้าของผู้ใช้งาน ซึ่งหากถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม อาจกระทบต่อสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน
เพื่อตอบข้อสงสัยเหล่านี้ World ประเทศไทย จึงออกคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ โดยยืนยันว่า ระบบของ World ไม่ใช่การยืนยันตัวตน (Identity Verification) และไม่ได้มีการเก็บข้อมูลจำแนกบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หรือรายละเอียดระบุตัวตนอื่น ๆ จุดมุ่งหมายของระบบนี้มีเพียงการพิสูจน์ว่า ผู้ใช้งานเป็นมนุษย์จริง ไม่ใช่บอทหรือ AI ที่ปลอมตัวขึ้นมา
ในส่วนของการสแกนม่านตาและใบหน้า World อธิบายว่า ข้อมูลจะถูกประมวลผลทันทีเพื่อสร้างเป็นรหัสเฉพาะที่เรียกว่า Iris Code รหัสนี้ไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นภาพต้นฉบับได้ และไม่สามารถนำไปเชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ได้อีก ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้งานเองเท่านั้น ไม่มีการส่งต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก และไม่ถูกนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น
World ยังเน้นย้ำว่า ระบบถูกออกแบบมาให้ โปร่งใสและตรวจสอบได้ ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพราะเป็นระบบแบบ Open Source และ Decentralized ทำให้ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกสามารถเข้ามาตรวจสอบความถูกต้องและความปลอดภัยของระบบได้โดยตรง นอกจากนี้ ยังผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญอิสระระดับโลกเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือ
ท้ายที่สุด World ประเทศไทยระบุว่า ภารกิจหลักขององค์กรคือการสร้างรากฐานดิจิทัลที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย ช่วยให้ผู้คนสามารถแยกแยะมนุษย์จริงออกจากบอทหรือ AI ป้องกันการฉ้อโกงออนไลน์ โดยไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และยึด “มนุษย์จริง” เป็นศูนย์กลางของระบบทั้งหมด
ที่มา: World Thailand

