<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

วงในเผย ‘คลังคริปโต’ ของทรัมป์อาจถังแตก-พอร์ตแดงเถือกเพราะมัวแต่ถือ Altcoins-แถมตรวจสอบไม่ได้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

รายงานฉบับใหม่เปิดเผยข้อมูลที่น่ากังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของ คลังสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งชาติเชิงกลยุทธ์ (Strategic National Digital Assets Stockpile) ที่ก่อตั้งขึ้นโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยชี้ว่าพอร์ตการลงทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับ ภาวะขาดทุนทางบัญชีเนื่องจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ของเหรียญทางเลือก (Altcoins) แม้ว่าจะมีการถือครอง Bitcoin จำนวนมหาศาลก็ตาม

ตัวเลขไม่ตรงกัน-รัฐบาลอุบเงียบข้อมูลสินทรัพย์

แม้ทรัมป์จะมีคำสั่งให้สร้างกองทุนสำรองคริปโต 2 ส่วน ได้แก่ Strategic Bitcoin Reserve และ Digital Asset Stockpile ตั้งแต่ต้นปี แต่จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลยังไม่มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินอย่างเป็นทางการตามที่ระบุไว้ในคำสั่ง ส่งผลให้สาธารณชนต้องพึ่งพาข้อมูลจาก Blockchain Trackers ของบุคคลที่สาม ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนกันสูง

Arkham Intelligence ประเมินว่าสหรัฐฯ ถือครองคริปโตมูลค่ารวมประมาณ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่จำนวน Bitcoin ที่แท้จริงยังเป็นที่ถกเถียง โดยแหล่งข้อมูลอย่าง CoinGecko และ BitcoinTreasuries ระบุว่ามีประมาณ 325,000 – 326,000 BTC ในขณะที่ BitBo ประเมินไว้ต่ำกว่ามากที่ 198,012 BTC

Altcoins คือ ตัวถ่วง พอร์ตโฟลิโอ

สาเหตุหลักที่ทำให้พอร์ตโฟลิโอของรัฐบาลส่อแววขาดทุน ไม่ได้มาจาก Bitcoin แต่มาจาก Altcoins ที่ส่วนใหญ่ได้มาจากการยึดทรัพย์ในคดีอาชญากรรม

หากคำนวณผลตอบแทนตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน โดยอ้างอิงจากเหรียญที่ทรัมป์เคยกล่าวถึง ( Ethereum, XRP, Solana, Cardano) พบว่า

  • Ethereum (ETH) +49%
  • Solana (SOL) +1.7%
  • XRP -11%
  • Cardano (ADA) -39%

สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเมื่อรวมสินทรัพย์อื่นๆ ที่คาดว่าอยู่ในความดูแลของสหรัฐฯ เช่น BNB, Uniswap, Chainlink และเหรียญกลุ่ม Metaverse/AI อย่าง The Sandbox (SAND) และ Render (RNDR) ซึ่งฉุดให้ค่ามัธยฐานของผลตอบแทน (ไม่รวม Stablecoins และ Bitcoin) ดิ่งลงไปถึง -10%

ช่องโหว่ความโปร่งใส

ความน่ากังวลที่สุดคือโครงสร้างการจัดการ โดยมีเพียง Bitcoin เท่านั้นที่ถูกจัดอยู่ใน “Strategic Bitcoin Reserve” ในขณะที่ Altcoins ทั้งหมดถูกนำไปไว้ใน “Digital Asset Stockpile” ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ไม่มีทะเบียนทางการ และไม่มีช่องทางรายงานตรวจสอบภาษี ความไม่ชัดเจนนี้ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจกำลังแบกรับผลขาดทุนที่ยังไม่รับรู้จำนวนมหาศาลอยู่ภายใต้พรม

ที่มา: yahoo