Mike McGlone และ Jamie Douglas Coutts นักวิเคราะห์จาก Bloomberg ชี้ว่าราคาของ ETH นั้นถูกประเมินมูลค่าต่ำเกินกว่ามูลค่าพื้นฐานของการเปลี่ยนโมเดลจาก Proof-of-Work (PoW) เป็น Proof-of-Stake (PoS) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีนี้
“วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนกำลังผลักดันให้ Bitcoin เปลี่ยนสถานะกลายเป็นสินทรัพย์สำรองทางดิจิทัลทั่วโลก ในขณะที่ Ethereum จะพัฒนาไปเป็นหลักประกันของโลกอินเทอร์เน็ต”
บันทึกการวิจัยใหม่ของพวกเขาทั้งสองยอมรับว่า Cryptocurrency มีความผันผวนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับสินทรัพย์อื่น ๆ พร้อมกล่าวเสริมด้วยว่า :
“ในอดีตวิกฤตสงครามส่งผลทำให้ตลาดแร่อย่างนิกเกิลเกิดการชะลอตัวลดลง แต่ในกรณีของ Bitcoin นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันเป็นเครื่องมือการซื้อขายที่มีความคล่องตัวมากที่สุดในโลก มีซื้อขายกันตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันไม่เว้นวันหยุดพักและสิ่งนี้กำลังจะเปลี่ยนมันกลายเป็นหลักประกันทางดิจิทัล”
Bloomberg Intelligence ได้ชี้ให้เห็นอีกครั้งว่า Bitcoin นั้นไม่ได้มี ‘ความยืดหยุ่นทางด้านการจัดหาอุปทาน’ (Supply Elasticity) หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ อุปทานของมันอยู่จำกัดไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ ไม่มีเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ ดังนั้นเรื่องการจัดหาอุปทานจึงไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อราคาของ Bitcoin
อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อราคาของเหรียญก็คือ งานประชุม Bitcoin ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งกำลังจะถูกจัดขึ้นที่ Miami ภายในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะช่วยผลักการยอมรับ Bitcoin จากแบรนด์ใหญ่ ๆ ภายในงานนี้ ดังนั้นจึงไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่เผยให้เห็นโมเมนตัมการยอมรับ Bitcoin ที่ชะลอตัวลดลง
ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวไปข้างต้น นักวิเคราะห์ทั้งสองเชื่อว่าราคา Bitcoin ที่ระดับ $100,000 นั้นเป็นแค่เรื่องที่ขึ้นอยู่เรื่องของเวลาเท่านั้น “เว้นแต่ว่าความต้องการและแนวโน้มของการยอมรับจะลดลงสวนทางกับในปัจจุบัน”
ในส่วนของ Ethereum นั้น นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาของมันน่าจะอยู่ที่ประมาณ $6,100 หรือคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 70% จากระดับราคาในปัจจุบัน โดยพวกเขาทั้งสองเชื่อว่า การเปลี่ยนจากโมเดล Proof-of-Work ไปเป็น Proof-of-Stake จะช่วยกระตุ้นความสนใจในสินทรัพย์ให้เพิ่มขึ้นได้อีกมาก
ที่มา : coinmarketcap