Binance แพลตฟอร์มกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตามปริมาณการซื้อขาย ได้ทยอยจำกัดการให้บริการลงในหลายประเทศทั่วโลก และบางประเทศถึงกับยุติการให้บริการทั้งหมด สาเหตุหลักมาจากแรงกดดันเรื่องกฎระเบียบเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลที่เข้มงวดมากขึ้นในหลายประเทศ
ตามรายชื่อ “ประเทศต้องห้าม” ของ Binance แพลตฟอร์มดังกล่าวไม่สามารถให้บริการในประเทศต่อไปนี้ แคนาดา,เนเธอร์แลนด์,สหรัฐอเมริกา,คิวบา,สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ),อิหร่าน,ซีเรีย,พื้นที่แหลมไครเมีย, พื้นที่ใด ๆ ในยูเครนที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล
ในขณะเดียวกัน ทาง Binance ก็ยังเผชิญกับการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลในไนจีเรีย แม้ Binance จะเป็นผู้นำในตลาด แต่ก็ยังเจอปัญหาเรื่องกฎระเบียบล่าสุด ทาง Binance ถูกบังคับให้ยุติการให้บริการซื้อขายสกุลเงิน Naira (NGN) ของไนจีเรียทั้งหมดบนแพลตฟอร์ม ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวถูกกล่าวหาว่าให้เงินสนับสนุนการก่อการร้ายและการฟอกเงินในภูมิภาค
นอกจากนี้ Binance ยังได้ถอนใบสมัครคำขออนุญาตอาบูดาบี ตามรายงานจาก Reuters เมื่อวันที่ 7 มีนาคม “หลังจากประเมินความต้องการใบอนุญาตทั่วโลกของเรา เราตัดสินใจว่า การยื่นขอใบอนุญาตในครั้งนี้ไม่จำเป็น” โฆษกของ Binance กล่าว พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า ใบสมัครถูกยื่นเมื่อปีที่แล้วในวันที่ 7 พฤศจิกายน
ขณะนี้ Binance อยู่ในระหว่างการเจรจากับหน่วยงานกำกับดูแลของอินเดีย หลังจากที่ทางการปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้งานเข้าถึงแอปพลิเคชันและเว็บไซต์บนมือถือของแพลตฟอร์ม
เจ้าหน้าที่ทางการระบุว่า Binance ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (PMLA) และข้อบังคับของสำนักงานข่าวกรองทางการเงิน (FIU)
หลังจากที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (US Department of Justice) และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (Securities and Exchange Commission: SEC) ดำเนินการทางกฎหมายกับ Binance ทาง BaFin ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลของเยอรมนี ก็ได้ปฏิเสธใบสมัครขออนุญาตเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล (cryptocurrency custody license) ของ Binance ด้วย
ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ Changpeng Zhao อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Binance ได้ยืนยันว่า บริษัทได้ชะลอการลงทุนบางส่วนในสหรัฐอเมริกาลง เนื่องจากแรงกดดันด้านกฎระเบียบในภูมิภาค
ที่มา : coinedition