เป็นเรื่องจริงที่ว่า ปัจจุบันสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่เราเก็บรักษากันไว้ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟียต หรือ อสังหาริมทรัพย์ นั้นกำลังค่อย ๆ ถูกลดมูลค่าลงเนื่องจากอัตราการผลิตมากเกินควรจะเป็น และภาวะเงินเฟ้อ ทว่าไม่นานมานี้ได้มีสินทรัพย์อีกรูปแบบหนึ่งผงาดขึ้นมาท่ามกลางความสิ้นหวังซึ่งนั่นก็คือ Bitcoin
Bitcoin ถูกวางไว้เป็นแสงสว่างนำทางให้กับความมั่นคงของความมั่งคั่งในยุคสมัยที่ไม่มีอะไรแน่นอน ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างได้นิยามให้ Bitcoin เป็นสุดยอดสินทรัพย์ที่เหมาะสำหรับการเก็บออมเงินในอนาคต
ทำไม Bitcoin ถึงเป็นสุดยอดเครื่องมือ
Joe Burnett นักวิจัยจาก Unchained กล่าวว่าการ Halving ครั้งนี้จะเป็นการยืนยันว่า Bitcoin นั้นเหมาะสมในการเป็นตัวกลางในการเก็บออม โดยเขาระบุว่าสถาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันนั้นเป็น “กับดักทางนวัตกรรม” หมายความว่า เทคโนโลยีนั้นเติบโตก้าวหน้าอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดการแข่งขันในตลาดที่สูง นำไปสู่ภาวะสินค้าและบริการมีอุปทานเกินขนาด จนทำให้มูลค่าของสินทรัพย์ทรุดตัวลงในที่สุด
Joe Burnett ชี้ให้เห็นว่าในสถานการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องยากที่จะเก็บรักษาความมั่งคั่งเอาไว้ในสินทรัพย์อื่นที่ไม่ใช่ Bitcoin โดยเขาได้ยกตัวอย่างสินทรัพย์อย่างสกุลเงิน US ดอลลาร์ไว้ว่ามีมูลค่าลดต่ำลง 92.8% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเมื่อนำมาเทียบกับราคาของใช้ในชีวิตประจำวัน
ภาพ : กราฟกำลังซื้อของสกุลเงินดอลลาร์
แนวโน้มนี้สะท้อนไปยังกลุ่มสินทรัพย์ประเภทอื่นด้วย เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภท 20 ปี มีมูลค่าลดลงมากกว่า 94.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน ขนาดโลหะมีค่าอย่างทองคำ และแร่เงินก็ยังไม่สามารถรับมือกับภัยคุกคามครั้งนี้ได้
แม้ว่าในอดีตทองคำจะเป็นตัวเลือกในการเก็บรักษาความมั่งคั่งเป็นอย่างดีมาตลอดสองพันปี สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะปัจจุบันมนุษย์มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าขึ้นส่งผลให้สามารถขุดแร่ได้มีประสิทธิภาพขึ้น ทำให้มีอุปทานมากขึ้นส่งผลให้มูลค่าลดต่ำลงตามหลังกลไก สิ่งนี้ทำให้ทองคำนั้นไม่เสถียรอีกต่อไปเนื่องจากสามารถขุดขึ้นมาได้เรื่อย ๆ โดยนอกเหนือจากบนผืนแผ่นดินแล้วในท้องมหาสมุทรยังมีทองคำหลับไหลอยู่เป็นมูลค่ามากถึง 771 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 70 เท่าของอุปทานสูงสุดในปัจจุบัน
ในทางกลับกันเป็นที่ทราบกันดีว่าอุปทานของ Bitcoin นั้นมีจำกัดและจะไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้เรื่อย ๆ เหมือนสินทรัพย์ตัวอื่น ๆ ทำให้มันกลายเป็นสุดยอดสินทรัพย์ในการเก็บมูลค่าในภาวะเช่นนี้
Matthew Howells-Barby รองประธานฝ่ายการเติบโตของ Kraken กล่าวว่า ปกติแล้วการ Halving จะเป็นสัญญาณในการเริ่มต้นของตลาดกระทิงที่ราคาของ Bitcoin จะสามารถทำสถิติราคาสูงสุดได้เสมอ ซึ่งในปีนี้จะมีความพิเศษเนื่องจากมีเงินทุนจากนักลงทุนฝั่งสถาบันเข้ามารวมอยู่ด้วยผ่าน Bitcoin ETFs ซึ่งในทางทฤษฏีแล้วการที่สถาบันเข้ามาลงทุนจะช่วยลดความผันผวนของราคา Bitcoin ในระยะยาว
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าราคาของ Bitcoin ในช่วงขาขึ้นจะไปหยุดอยู่ที่ $100,000 – $120,000 ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายฝันสูงไปกว่านั้น เช่น Cathie Wood ที่ทำนายว่าราคาของ Bitcoin จะพุ่งไปถึง 1.48 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ด้วยเหตุนี้ Bitcoin จึงกลายเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเก็บรักษามูลค่า
ที่มา : Beincrypto