เจ้าหน้าที่การเงินของ Mastercard กล่าวในวันพุธที่ผ่านมาว่า หลังจากที่ธนาคารทำการห้ามลูกค้าของตนใช้บัตรในการชำระเงินเพื่อซื้อ Cryptocurrency นั้น ปริมาณธุรกรรมในการใช้บัตรเครดิตก็ลดลงในไตรมาสแรก
อ้างอิงจากเว็บ SeekingAlpha นาง Martina Hund-Mejean กล่าวว่าปริมาณการชำระเงินข้ามพรมแดนลดลง 2%เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2017“โดยส่วนหนึ่งมาจากการชำระเงินเพื่อเข้าไปลงทุนในคริปโต” นางกล่าว
โดยเธออธิบายว่า:
“ในเรื่องนี้ การใช้งานบัตรเครดิตในการชำระเงินเพื่อซื้อ Cryptocurrency คิดเป็นแค่ 1% เท่านั้น และปัญหานี้ก็มาจากที่ทางธนาคารโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ ตัดสินใจที่จะไม่อนุญาตให้ใช้บัตรเครดิตในการซื้อ Cryptocurrency เพื่อการลงทุน และนั่นแหละคือสาเหตุที่เราได้เห็นปริมาณที่ลดลงในการใช้บัตรเครดิต MasterCard นั่นเอง”
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา JPMorgan Chase, Bank of America, Bank of Montreal, Capital One, Citi จากสหรัฐฯ และแคนาดาอยู่ในกลุ่มของธนาคารที่แบนการซื้อสินค้าด้าน Cryptocurrency ด้วยบัตรเครดิตเพราะมีความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคามัน
นาย Ajay Banga CEO ของ MasterCard กล่าวว่าข้อจำกัดใหม่ ๆ และความไม่แน่นอนของกฏหมายและเว็บเทรด Cryptocurrency เป็นส่วนที่ทำให้ปริมาณการใช้บัตรลดลง
เขากล่าวว่า MasterCard ไม่ได้สนใจที่จะนับ Cryptocurrency เป็นส่วนหนึ่งของรายได้ โดยเขาอธิบายว่า:
“เรากล่าวได้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งเราจะนำมานับเป็นรายได้ เพราะเราไม่สามารถทำนายและเราไม่สามารถนำมาใช้งานได้”
ดูเหมือนทาง MasterCard จะไม่สนใจเรื่อง Cryptocurrency แต่สนใจเทคโนโลยีทางด้าน Blockchain ในการพัฒนาการชำระเงินมากกว่า
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น