ประเด็นกฎหมายในการกำกับดูแลคริปโตและธุรกิจทรัพย์สินดิจิทัลยังคงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในวงการคริปโตประเทศไทย เนื่องจากกฎหมายสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตโดยเฉพาะนั้นเพิ่งถือกำเนิดได้ไม่นาน ทำให้หลาย ๆ คนยังคงกังวลว่าจะมาส่งผลต่อการลงทุนของพวกเขาหรือไม่
ในวันอังคารที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ดร.ภูมิ ภูมิรัตน ที่ปรึกษา ก.ล.ต. และสมาคมฟินเทค ได้เป็นวิทยากรให้กับคอร์สอบรม Crypto Asset Revolution ที่มีราคาสูงถึง 185,000 บาท และได้ให้สัมภาษณ์กับ Siam Blockchain โดยเขาคิดว่า ปัจจุบันมีผู้คนให้คนสนใจคริปโตและ Blockchain เป็นอย่างมาก
“เยอะมากจนผิดหูผิดตา เยอะมากเกินไป ตั้งแต่ที่ผมเริ่มเกี่ยวกับ Blockchain และคริปโตตามงานต่าง ๆ มา 2 ปี ปรากฎว่าทุกรอบที่ผมพูดนั้นมีคนให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ”
ด้วยความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นจนน่าตกใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เขามีความกังวลสังคมไทยอาจจะมองที่การเก็งกำไรและราคามากกว่าตัวเทคโนโลยี จนอาจถูกมิจฉาชีพหลอกได้
“ด้วยความที่หลัง ๆ เริ่มมีการพูดเชิญชวนมาลงทุน มีแชร์ลูกโซ่ ผมเลยคิดว่ายังน่ากังวลอยู่เล็กน้อย เนื่องจากสังคมไทยมีโอกาสที่จะหลงเชื่อและโดนหลอกง่ายอยู่แล้ว”
ทิศทางวงการคริปโตและ Blockchain ของประเทศไทยในอนาคต
เขามีความเห็นว่า ในอนาคตไม่กี่ปีข้างหน้านั้น วงการคริปโตและ Blockchain ในไทยจะเริ่มเสถียรขึ้นเรื่อย ๆ
“ผมคิดว่าในอนาคตจะเริ่มมีกฎหมายที่เหมาะสมแล้ว ในอนาคตอุตสาหกรรมจะเริ่มเสถียรขึ้นเรื่อย ๆ ในแง่ของคนประกอบธุรกิจก็จะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น นักลงทุนก็จะมีความเชื่อมั่นใจการลงทุนมากขึ้น ได้รับการยอมรับจากส่วนมากขึ้น เนื่องจากซื้อขายผ่านเว็บเทรดที่ได้รับอนุญาตโดย ก.ล.ต. และต้องให้ทางผู้คนในชุมชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้มิจฉาชีพไม่มีที่ยืนด้วยเช่นกัน”
นอกจากนี้ เขายังให้ความเห็นเกี่ยวกับทิศทางของกฎหมายคริปโตและ Blockchain ภายในประเทศไทยว่า:
“ผมคิดว่ามันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่า ก.ล.ต. เข้าใจเรื่องนี้ค่อนข้างดีมาก ด้วยความที่ผมเป็นที่ปรึกษาของ ก.ล.ต. สามารถพูดได้ว่าพวกเขาได้ศึกษามาแล้วเป็นเวลากว่าปีครึ่ง หรือ 20 เดือนได้แล้ว”
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า:
“ก.ล.ต. เตรียมตัวและมีความเข้าใจในเรื่องนี้มาระเอียดมากกว่าที่สังคมคิดไว้เยอะมาก ผู้คนต่างชาติที่เข้ามาคุยกับ ก.ล.ต. ไม่ว่าจะเป็น Vitalik, ทีมของ Ripple และทีมของ Stellar จะประหลาดใจว่า ก.ล.ต. ของประเทศนี้มีความเข้าใจในอุตสาหกรรมมากกว่า Regulator ประเทศอื่น ๆ ในโลกนี้ ทั้งที่เป็นประเทศเล็ก ๆ เท่านั้น”
สำหรับกฎหมายที่เพิ่งออกมาได้ไม่นานนั้นอาจทำให้วงการคริปโตตั้งข้อสงสัยว่าเหมาะสมหรือไม่ เขาให้ความคิดเห็นว่า:
“กฎหมายจะ Balance ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้จำเป็นต้องออกกฎหมายมาก่อน ทำให้มีข้อจำกัดบางอย่าง ที่เดี๋ยวมันจะค่อย ๆ เข้าสู่ Balance ไม่ได้แปลว่า ก.ล.ต. ทั้งองค์กรเห็นพ้องต้องกันหมด มีโต้เถียงกันภายในบ้าง มีเจรจากับกระทรวงการคลัง และสรรพากรบ้าง แต่ผมเชื่อว่า ผู้ที่ดูแลสิ่งนี้ถ้าเป็น ก.ล.ต. ผมว่าไว้ใจได้”
กฎหมายสำหรับ ICO เข้มงวดไปหรือไม่
เขาไม่คิดว่ากฎหมายสำหรับ ICO และ ICO Portal ที่เพิ่งออกมานั้นเช้มงวดเกินไป เขากล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ และ Balance กำลังดี ถ้าอุตสาหกรรม react กับมันถูกต้อง จริง ๆ แล้วมันจะสร้างธุรกิจใหม่ในการเป็น ICO Portal ขึ้นมาด้วยซ้ำ เพียงแค่ต้องโน้มน้าวให้ ICO Portal อนุมัติได้
“สาเหตุที่หลาย ๆ คนอาจตั้งข้อสงสัย อาจเกิดจากการที่มีคนกลางซึ่งเป็น ICO Portal เพิ่มเข้ามาในระบบ ซึ่งจริง ๆ แล้วยังมีคนเข้าใจผิดอยู่มากว่า Blockchain จะมากำจัดคนกลางออกไป จริง ๆ แล้ว Blockchain แค่มากำจัดคนกลางที่ไม่จำเป็นออกไป เช่นเดียวกับกรณีนี้ ก.ล.ต. เป็นคนกลางที่จำเป็น”
“จริง ๆ แล้วคนกลางไม่ได้เพิ่มขึ้น หากต้องการระดมทุน ICO จริง ๆ คุณต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาอยู่ดี โดยพวกเขาย่อมต้องการผลตอบแทนอยู่แล้ว เป็น Cost ที่ยังไงก็ต้องเจอ ไม่ว่าทำที่ประเทศไหน ซึ่งตอนนี้ไม่ต้องวิ่งไปหาใครก็ไม่รู้ เป็นหา ICO Portal ที่ได้รับอนุมัติจากก.ล.ต. แทน ช่วยกรอง Scam ให้แทน แต่นักลงทุนก็จำเป็นต้องดูอีกรอบอยู่ดี”
อ้างอิงจาก ดร.ภูมิ นอกจากประเด็นเรื่อง ICO แล้ว ทาง ก.ล.ต. ได้รับรู้ว่ามีเว็บเทรดแบบ Decentralized แล้วเช่นกัน ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีใบอนุญาติที่มีราคาถูกกว่าแบบ Centralized เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยกว่า
เขายังเชื่อว่ากฎหมายที่ออกมานั้นไม่ได้ปิดกั้น ICO ต่างประเทศ นักลงทุนในไทยยังสามารถไปลงทุน ICO ต่างประเทศได้อยู่ เพียงแต่ไม่ให้มีการโปรโมทในประเทศไทย ไม่ให้มี Event ชวนเชื่อ รวมทั้งไม่ได้ปิดกั้น ICO ไทยที่ไปโปรโมทที่ต่างประเทศ เช่น Carboneum และ SIX Network จริง ๆ สนับสนุนด้วยซ้ำ ก.ล.ต. ยินดีให้ ICO ต่างประเทศมาขึ้นทะเบียน ความตั้งใจที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือป้องกัน Scam
“ตอนนี้ความพร้อมทางกฎหมายยังไม่แน่นอน ถ้าสมมุติ ก.ล.ต. ดูพลาด มันดันเป็นแชร์ลูกโซ่และหนีหายไป พวกเขาเลยอยากซ้อมกับคนไทยก่อน ดูก่อนว่าพร้อมแค่ไหน หลังจากนั้นจะเปิดประตูกว้างขึ้นสำหรับต่างประเทศ ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีที่ฉลาด กว่าประเทศอื่น ๆ เช่นเกาหลีใต้ที่แบนไม่ให้ประเทศตัวเองทำ ICO แต่อนุมัติ ICO ต่างประเทศ เราเป็นประเทศแรกในโลกที่มีกฎหมายครบวงจรขนาดนี้”
ฝากถึงวงการคริปโตในไทย
ทิ้งท้าย ดร.ภูมิ อยากฝากไว้ให้วงการคริปโตในไทยว่า:
“เทคโนโลยีน่าสนับสนุน Innovation น่าทำให้เกิด อยากให้คนหันมาเข้าใจนิดหนึ่งว่ากฎหมายบางอย่างจำเป็นต้องมี พยายามเข้าใจคำว่า Decentralized ว่า มันไม่ได้ Perfect มีบางอย่างที่มันไม่ได้แก้ Smart Contract แก้เรื่องของความแฟร์ในการระดมทุนว่าได้ของแน่นอน แต่ไม่ได้แก้เรื่องคนที่มาโฆษณาดีจริงหรือไม่ ซึ่งในส่วนนั้นต้องมีกฎหมายอื่นเข้ามาช่วย เรายังอยู่ในช่วง Transition สิ่งที่เราต้องช่วยกันทำในตอนนี้ช่วยกัน ประเทศไทยยังไม่สายเกินไปที่จะเป็น Power Player ใน Region นี้ ผมคิดว่าสามัคคีในตรงนี้จะช่วยไดเยอะ”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น