<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

BitMine ซื้อหุ้นคืน 1,000 ล้านดอลลาร์ หลังถือ ETH ทะลุ 625,000 เหรียญ ตั้งเป้าสะสม 5% ของอุปทาน ETH

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

BitMine Immersion Technologies บริษัทด้านคริปโตที่เดิมเริ่มจากการเป็นผู้ให้บริการเหมือง Bitcoin ได้ประกาศแผน ซื้อหุ้นคืน (stock buyback) จากตลาดมูลค่าสูงสุดถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่บริษัทมีความเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์สำคัญ ด้วยการหันมาเน้นสะสม Ethereum เป็นสินทรัพย์หลักในคลัง (treasury) แทน Bitcoin

ตามประกาศล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม เวลา 22:45 น. (ET) BitMine ระบุว่าบริษัทถือครอง Ethereum สูงถึง 625,000 ETH คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมี Bitcoin อีก 192 BTC มูลค่าราว 22.8 ล้านดอลลาร์ พร้อมเงินสดในมือที่ยังไม่ได้ใช้กว่า 401.4 ล้านดอลลาร์ นับว่าเป็นหนึ่งในคลัง Ethereum ขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาบริษัทมหาชน โดยมี NAV ต่อหุ้น (net asset value) อยู่ที่ 22.76 ดอลลาร์ จากจำนวนหุ้น fully diluted รวม 121,739,533 หุ้น

Tom Lee ประธานบริษัท BitMine และผู้ร่วมก่อตั้ง Fundstrat อธิบายว่า แผนการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นระหว่างเส้นทางการเดินหน้าสู่เป้าหมายระยะยาวของบริษัท ซึ่งก็คือการถือครอง 5% ของอุปทาน ETH ทั้งหมดบนเครือข่าย Ethereum เขากล่าวว่า “ในเส้นทางสู่เป้าหมาย ‘alchemy of 5%’ เราอาจพบช่วงเวลาที่การลงทุนที่ดีที่สุด คือการซื้อหุ้นของตัวเองกลับมา”

แผน buyback ของ BitMine เป็นแบบ open-ended ซึ่งหมายความว่าบริษัทสามารถทยอยซื้อหุ้นคืนได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งผ่านการซื้อขายในตลาดหรือดีลเฉพาะกิจตามความเหมาะสมของสถานการณ์ทางการเงินและสภาพคล่อง

แม้ BitMine ยังคงดำเนินกิจการในส่วนของเหมือง Bitcoin และบริการด้านเหมืองคริปโต แต่การเปลี่ยนจุดยืนด้านกลยุทธ์เพื่อเน้นการถือ ETH อย่างจริงจัง ทำให้บริษัทถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “Ethereum-first treasury firms” เคียงข้างบริษัทอย่าง SharpLink, Bit Digital และ BTCS ที่มีลักษณะการสะสม ETH คล้ายคลึงกัน

นอกจากนี้ มีรายงานเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า กลุ่มนักลงทุนที่เชื่อมโยงกับ Peter Thiel นักลงทุนชื่อดังระดับโลก ได้เข้าถือหุ้นใน BitMine คิดเป็นสัดส่วนกว่า 9.1% ตามแบบฟอร์ม 13G ที่ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐ (SEC) ซึ่งบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนรายใหญ่มีต่อกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท
ที่มา: theblock