ตลาดคริปโตยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยมีหลายโปรเจกต์กำลังรอการอนุมัติกองทุน ETF หลังจากที่ SEC เริ่มผ่อนคลายกฎเกณฑ์และวางกรอบแนวทางใหม่
อย่างไรก็ตาม Galaxy Digital มองว่า สุดท้ายแล้วจะมีเพียง 12 โปรเจกต์จาก 100 อันดับแรก เท่านั้น (นอกเหนือจาก Bitcoin และ Ethereum) ที่จะได้รับไฟเขียว ตามการคาดการณ์ของ Lucas Tcheyan จากทีมวิจัยของ Galaxy
ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม BZX Exchange และ NYSE Arca ได้ยื่นเอกสาร 19b-4 ต่อ SEC เพื่อเสนอให้มี “กรอบการอนุมัติ ETF แบบเหมารวม” เพื่อลดปัญหาการพิจารณาแบบรายเคสที่ทำให้ล่าช้า
ปัจจุบันยังมีคำขอยื่น ETF กว่า 91 รายการ ครอบคลุมโทเคน 24 สกุล และผลิตภัณฑ์ดัชนีอื่น ๆ โดยมีกำหนดเส้นตายสูงสุด 27 มีนาคม 2026 แต่ Galaxy เชื่อว่า SEC อาจอนุมัติได้เร็วกว่านั้น เพราะท่าทีของหน่วยงานเริ่มเปิดกว้างกับคริปโตมากขึ้น
ทั้งนี้ แม้จะมีกฎเกณฑ์ใหม่แล้ว แต่จำนวนคริปโตที่ได้รับอนุมัติยังคงมีจำกัด ซึ่ง Galaxy ได้สรุปรายชื่อ 12 โปรเจกต์ที่คาดว่าจะผ่านเกณฑ์ไว้ดังนี้
- Dogecoin (DOGE)
- Bitcoin Cash (BCH)
- Litecoin (LTC)
- Chainlink (LINK)
- Stellar (XLM)
- Avalanche (AVAX)
- Shibu Inu (SHIB)
- Polkadot (DOT)
- Solana (SOL)
- Hedera (HBAR)
นอกเหนือจาก 10 รายการข้างต้น ยังมีอีก 2 โปรเจกต์ ที่จะถูกพิจารณาตามมาทีหลัง เนื่องจากยังไม่ครบกำหนดเปิดเทรดฟิวเจอร์สจนครบ 6 เดือนเต็ม ได้แก่
- Cardano (ADA)
- XRP (XRP)

จากลิสต์ที่ได้มีการกล่าวไปข้างต้น ปัจจุบันมีเหรียญจำนวน 9 สกุลแล้วที่ได้มีตัวแทนขอยื่นเรื่องจัดตั้งกองทุน ETF ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าโปรเจกต์เหล่านี้จะได้รับการอนุมัติกลุ่มแรกทันทีที่กรอบใหม่มีผลบังคับใช้
ทำไมถึงมีเพียงแค่ 12 โทเคน ที่จะผ่าน ?
สำหรับกระบวนการอนุมัติแบบเร่งด่วนจะประกอบไปด้วยเงื่อนไข 3 ข้อ หนึ่งคือโทเคนดังกล่าวจะต้องมีการซื้อขายบนกระดานเทรดที่มีการเฝ้าระวังจากหน่วยงาน ISG ประการที่สอง คือจะต้องมีการเทรดฟิวเจอร์สมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน และประการสุดท้ายคือการได้รับการค้ำประกันโดย Future ETF ที่ถือครองสินทรัพย์อย่างน้อย 40%
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีสินทรัพย์คริปโตใดที่ผ่านเกณฑ์ครบทั้งสามข้อ เนื่องจากตลาดสปอตยังไม่มีสมาชิกของ ISG ยกเว้นเพียง Coinbase ที่เป็นสมาชิกในฝั่งฟิวเจอร์ส ไม่ใช่สปอต
ความพยายามครั้งล่าสุดของ SEC ภายใต้โครงการ “Project Crypto” จึงอาจกลายเป็นก้าวสำคัญในการเปิดทางสู่การกำกับดูแลตลาดสปอต แต่กำหนดเวลาที่ชัดเจนยังไม่แน่ชัด
ด้าน Lucas Tcheyan จาก Galaxy ชี้ว่า การที่ยังไม่มีกองทุนคริปโต ETF ไม่ได้ทำให้ความต้องการในสินทรัพย์ดิจิทัลลดลง นักลงทุนยังคงหันไปลงทุนกับบริษัทที่ตั้งทุนสำรองคริปโต หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกอื่น ๆ แทน
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered อย่าง Geoffrey Kendrick เสริมว่า ปัจจุบันกองทุนที่ตั้งทุนสำรอง Ethereum กลับได้รับความนิยมและให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่ากองทุน spot Ethereum ETF ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ที่มา : Defiant

