Apple เดินหน้ายกระดับความปลอดภัย ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ Memory Integrity Enforcement (MIE) บน iPhone 17 ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการโจมตีหน่วยความจำขั้นสูงระหว่างกระบวนการลงนามธุรกรรม (Wallet Signing) ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงสำคัญที่แฮ็กเกอร์ใช้สำหรับขโมยเหรียญคริปโต
ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย ๆ ลองนึกภาพว่า คุณกำลังทำการโอนเหรียญคริปโตจากกระเป๋าไปยังบัญชีอื่น โดยใช้ iPhone 17 และในขณะที่คุณกำลังลงนามธุรกรรม แฮ็กเกอร์อาจพยายามโจมตีอุปกรณ์ของคุณ โดยการแทรกแซงในหน่วยความจำของมือถือ เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ หรือแม้แต่ แอบขโมยเหรียญคริปโตของคุณ
ในกรณีนี้ ฟีเจอร์ Memory Integrity Enforcement (MIE) ที่มาพร้อมกับชิป A19 บน iPhone 17 จะช่วยป้องกันการโจมตี โดยจะตรวจสอบหน่วยความจำของอุปกรณ์ แบบเรียลไทม์ เช่น ถ้ามีการพยายามโจมตีรูปแบบ buffer overflow (การที่แฮ็กเกอร์พยายามเขียนข้อมูลเกินขอบเขตที่หน่วยความจำกำหนด) หรือ use-after-free (การเข้าถึงหน่วยความจำที่ถูกลบไปแล้ว) ระบบจะ บล็อกการโจมตีทันที และ ป้องกันไม่ให้แฮ็กเกอร์ขโมยเหรียญ ของคุณไปได้
ทั้งนี้สำหรับการป้องกันจากฟีเจอร์ MIE Apple ระบุว่า จะถูกเปิดใช้งานอยู่ตลอดเวลา โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าใด ๆ เพิ่มเติม
DiscusFish ผู้ก่อตั้ง Cobo เรียก MIE ว่าเป็น “ชัยชนะครั้งใหญ่สำหรับผู้ใช้คริปโตที่ถือสินทรัพย์มูลค่าสูงและต้องทำธุรกรรมบ่อยครั้ง”
ยิ่งไปกว่านั้น Apple ยังใส่ฟังก์ชัน Tag Confidentiality Enforcement (TCE) เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ Side-channel ที่อาศัยช่องทางอย่าง Speculative Execution ในการเข้าถึงข้อมูลลับของกระเป๋าเงินของผู้ใช้งาน
ทีมความปลอดภัยของ Apple ยืนยันว่า MIE ผ่านการทดสอบกับการโจมตีจริง และส่วนใหญ่ถูกหยุดยั้งตั้งแต่ต้นทาง ลดโอกาสที่มัลแวร์จะเจาะระบบได้สำเร็จ
สำหรับวงการคริปโต นี่ถือเป็นการปฏิวัติมาตรการความปลอดภัย เนื่องจากกว่า 70% ของช่องโหว่ซอฟต์แวร์มีต้นตอมาจากปัญหาหน่วยความจำ และมักถูกใช้แฮ็กกระเป๋าเงินดิจิทัล
ตามรายงานจาก CertiK ในปี 2025 มูลค่าความเสียหายจากการแฮ็กเหรียญคริปโตสูงถึง 2.1 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะการแฮ็กกระเป๋าเงินที่ทำให้สูญเสียถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยในระดับฮาร์ดแวร์ที่ Apple ได้พัฒนาและนำเสนอผ่านฟีเจอร์ใหม่ใน iPhone 17
นอกจากนี้ Apple ยังได้เพิ่มฟังก์ชัน Tag Confidentiality Enforcement (TCE) เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ Side-channel ที่แฮ็กเกอร์ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว
โดยทีมงานด้านความปลอดภัยของ Apple ยืนยันว่า MIE ได้รับการทดสอบกับสถานการณ์การโจมตีในโลกจริง และสามารถหยุดยั้งภัยคุกคามส่วนใหญ่ไว้ได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มเกิดการแฮ็ก ซึ่งช่วยลดโอกาสที่ผู้ไม่หวังดีจะเข้ามาบุกรุกระบบได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ที่มาข่าว:cryptopotato
- ที่มาภาพ:Theverge

