พอร์ตโฟลิโอคริปโตของ BlackRock ผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้อมูลบนบล็อกเชนแสดงให้เห็นถึงการลดการถือครอง Ethereum ลงอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการกลับเข้าสะสม Bitcoin เพิ่มเติม

เทขาย ETH-สลับเข้า BTC
ข้อมูลจาก Arkham Intelligence ที่ดึงโดย Finbold แสดงให้เห็นว่า สถานะการถือครอง Ethereum ของ BlackRock ได้ลดลงจาก 3.78 ล้าน ETH (มูลค่า 1.682 หมื่นล้านดอลลาร์) ในวันที่ 5 กันยายน มาอยู่ที่ 3.66 ล้าน ETH (มูลค่า 1.591 หมื่นล้านดอลลาร์) ในวันที่ 12 กันยายน ซึ่งหมายถึงการลดลงถึง 115,950 ETH คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 913 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลาเพียง 7 วัน
การเทขายครั้งนี้ทำให้สัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตคริปโตของ BlackRock ลดลงจาก 16.7% เหลือเพียง 15.7% ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงการเบนความสนใจออกจากสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองตามมูลค่าตลาด
ในทางตรงกันข้าม BlackRock กลับเข้าซื้อ Bitcoin เพิ่ม โดยการถือครองได้เพิ่มขึ้นจาก 747,470 BTC (8.353 หมื่นล้านดอลลาร์) เป็น 751,400 BTC (8.562 หมื่นล้านดอลลาร์) ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 3,930 BTC คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 2.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้สัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin ภายในพอร์ตคริปโตของกองทุนขยายตัวจาก 83.2% เป็น 84.4%
ภาพรวมพอร์ตยังคงเติบโต
การปรับพอร์ตครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการที่มูลค่าสินทรัพย์คริปโตโดยรวมของ BlackRock กลับขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์อีกครั้ง โดยแตะระดับ 1.0153 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 12 กันยายน การฟื้นตัวนี้ได้รับแรงหนุนหลักมาจากการที่ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้น 1.97% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า รวมถึงกำไรจากสถานะการลงทุนที่เล็กกว่าอย่าง SPX (+23.28%) และ TUA (+61.15%)
ในขณะเดียวกัน Ethereum กลับต้องเผชิญกับแรงกดดัน โดยราคาได้ร่วงลง 2.43% มาอยู่ที่ 4,345 ดอลลาร์ และทำให้เกิดผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Loss) ทั่วทั้งพอร์ต ETH ของ BlackRock มากกว่า 900 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับลดสัดส่วนลง แต่ Ethereum ก็ยังคงเป็นสินทรัพย์คริปโตที่ BlackRock ถือครองมากที่สุดเป็นอันดับสอง
ที่มา: finbold

