<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

5 สถาบันยักษ์ใหญ่ถือครอง Bitcoin เกือบ 8 แสน BTC – จับตาโทเคน Layer-2 นี้ อาจเป็นตัวเร่งการเติบโตของ Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Bitcoin ประมาณ 3.8% ทั้งหมด อยู่ในมือของสถาบันรายใหญ่ที่สุด ซึ่งกำลังสะสม “ทองคำดิจิทัล” มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ในขณะที่นักลงทุนรายใหญ่ต่างกำลังกักตุนอุปทาน Bitcoin Hyper (HYPER) ก็กำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญขึ้นมา

โซลูชั่นเลเยอร์ 2 ที่เร็วที่สุดของบิทคอยน์นี้ ถือเป็นรายแรกที่เชื่อมเทคโนโลยีของ Solana เข้ากับเครือข่ายบิทคอยน์โดยตรง ทำให้เป็นอีกหนึ่งเหรียญมีมที่น่าสนใจอย่างมาก

ด้วยการทำงานบน Solana Virtual Machine (SVM) ทำให้ Bitcoin Hyper สามารถรองรับแอปพลิเคชันที่บิทคอยน์ควรจะมีมาตั้งแต่แรก ที่ทั้งเร็ว ถูก และไร้แรงเสียดทาน ในขณะเดียวก็ยังคงได้รับความปลอดภัยจากเลเยอร์พื้นฐานของบิทคอยน์

นับตั้งแต่เปิดระดมทุนในช่วงโปรเจกต์เริ่มต้น เมื่อห้าเดือนก่อน Bitcoin Hyper ก็สามารถกวาดยอดระดมทุนได้แล้วกว่า 25.3 ล้านดอลลาร์ โดยมีนักลงทุนเร่งเข้าร่วมกับโทเค็น HYPER ซึ่งถือเป็นจุดเข้าที่ต่ำที่สุด ก่อนโทเค็นจะถูกนำไปลิสต์บนตลาดเทรด

โดยปัจจุบันราคาโทเค็นซื้อขายอยู่ที่ $0.013195 แต่ราคานี้อาจจะไม่อยู่นาน เพราะเมื่อเวลานับถอยหลัง ก็เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่ราคาจะขยับขึ้นในเฟสถัดไป

สถาบันใหญ่ๆ ต่างกำลังสะสมบิทคอยน์ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

บริษัทมหาชน 5 แห่ง ได้แก่ Strategy, MARA Holdings Inc., XXI, CEP, Metaplanet Inc. และ Bitcoin Standard Treasury Company ถือครองบิทคอยน์รวมกันทั้งหมด 798,416 BTC 

โดยมี Strategy ของ Michael Saylor ครองอันดับหนึ่ง โดยถือครอง Bitcoin จำนวน 640,808 BTC ตามด้วย MARA Holdings Inc. ที่ถือครอง Bitcoin อยู่ 53,250 BTC 

ขณะเดียวกัน แผนการควบรวมกำลังเริ่มเป็นรูปเป็นร่างในหมู่ผู้ถือบิทคอยน์ระดับสถาบัน 

ในช่วงปลายเดือนกันยายน Strive ได้สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะบริษัทคลัง Bitcoin (Bitcoin Treasury Company) รายแรกที่ประกาศควบรวมกิจการ โดยเปิดเผยแผนการที่จะเข้าซื้อกิจการของ Semler Scientific ด้วยดีลแบบแลกหุ้นทั้งหมด ซึ่งการควบรวมครั้งนี้จะทำให้ Bitcoin จำนวน 11,006 BTC ถูกรวมไว้ภายใต้การบริหารงานของบริษัทเดียว

ปัจจุบันทั้งสองบริษัทติดอันดับผู้ถือครองบิทคอยน์รายใหญ่ที่สุดของโลกในอันดับที่ประมาณ 17 และ 20 ตามลำดับ

ถึงอย่างนั้น ผู้ถือครอง Bitcoin รายใหญ่ที่สุดทั้งห้าราย ก็ครอบครองบิทคอยน์ไปแล้วราว 3.8% ของปริมาณทั้งหมด หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 87.55 พันล้านดอลลาร์ ตามราคาปัจจุบัน 

และหากรวมทุกบริษัทมหาชนที่มีการถือ BTC ไว้ในงบดุล ส่วนแบ่งจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.01% หรือประมาณ 115.6 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก Bitcoin Treasuries

เมื่อรวมอีก 7.14% ที่ถูกผูกอยู่ในกองทุน ETF ,ทุนสำรองของรัฐบาล และบิทคอยน์อีกประมาณ 279,000 BTC ที่ถูกล็อกอยู่ใน DeFi และ Smart Contract ก็จะเห็นได้ชัดว่า บิทคอยน์ส่วนที่หมุนเวียนในตลาดหายไปอยู่ที่ใดบ้าง

แหล่งที่มา: https://bitcointreasuries.net/

ทว่าบิทคอยน์ส่วนใหญ่เหล่านี้ แทบไม่ได้ถูกนำไปใช้งานเลย ซึ่งเป็นเหมือนทุนที่ถูกจอดทิ้งไว้เพื่อเก็บมูลค่าเท่านั้น แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าแม้เพียงส่วนเล็ก ๆ ของ Bitcoin เริ่มถูกนำมาใช้งานจริง? 

หากเหรียญเหล่านั้นถูกใช้เพื่อขับเคลื่อนการชำระเงิน สภาพคล่อง หรือแอปที่ให้ผลตอบแทน มูลค่าตลาดของบิทคอยน์อาจก้าวเข้าสู่เฟสใหม่โดยสมบูรณ์

ปัจจุบันมูลค่าตลาดของทองคำอยู่ที่ราว 28 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าบิทคอยน์ประมาณ 14 เท่า 

ทั้งนี้ไม่ใช่แค่เพราะทองคำ หายากเท่านั้น แต่เพราะทองคำถูกใช้งานจริง ทองคำคือ ทั้งเครื่องประดับ วัฒนธรรม อุตสาหกรรม และอีกมากมาย 

ซึ่งบิทคอยน์ไม่จำเป็นต้องกลายเป็นเครื่องประดับ แต่ต้องมี “การใช้งานจริง” และนั่นคือสิ่งที่ Bitcoin Hyper กำลังสร้างอยู่ขณะนี้

Bitcoin Hyper กำลังสร้างเลเยอร์แอปพลิเคชันตัวจริงตัวแรกของบิทคอยน์

Bitcoin Hyper กำลังเปลี่ยนสถานะของ Bitcoin จากการเป็นเพียงสินทรัพย์ที่ใช้เก็บมูลค่าที่นิ่งเฉย ให้กลายเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนได้จริง ซึ่งสามารถรองรับการสร้างแอปพลิเคชันที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นไปไม่ได้บนเครือข่าย Bitcoin

โปรเจกต์นี้ทำได้โดยการใช้ SVM (Solana Virtual Machine) ที่เชื่อมต่อเข้ากับ Bitcoin โดยตรงผ่านสะพานแบบ Canonical Bridge 

ทำให้นักพัฒนาที่คุ้นเคยกับเครื่องมือของ Solana จึงสามารถสร้างแอปพลิเคชันบนเครือข่าย Bitcoin ได้ด้วยสถาปัตยกรรมแบบเดียวกัน ที่ทั้งเร็ว ต้นทุนต่ำ 

พร้อมทั้งมีความปลอดภัยที่สูงขึ้น เพราะทุกธุรกรรมถูกปกป้องด้วย Bitcoin (BTC) ที่ถูกล็อกอยู่ภายในสะพานดังกล่าว

แหล่งที่มา: https://bitcoinhyper.com/

เมื่อมีการนำบิทคอยน์ฝากเข้า ระบบจะสร้างเหรียญที่ถูกห่อ (wrapped) เวอร์ชันหนึ่งขึ้นมาภายในระบบนิเวศของ Bitcoin Hyper โดยเหรียญที่ถูกห่อนี้ จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เพื่อขับเคลื่อนแอป การชำระเงิน และกิจกรรมต่าง ๆ บนเชน

Bitcoin Hyper ทำงานบน SVM ทำให้ประเภทของแอปที่สร้างได้ แทบไร้ขีดจำกัด ไม่ว่า จะเป็นโปรโตคอล DeFi, เกม NFT ,เศรษฐกิจมีม, การเชื่อมต่อกับโลกจริง และทุกอย่างที่นักพัฒนาจะสามารถจินตนาการได้

ซึ่งผลลัพธ์คือ บิทคอยน์จะมีพื้นที่ของตัวเองที่ BTC สามารถเคลื่อนที่ หมุนเวียน และใช้ขับเคลื่อนกิจกรรมจริง แทนที่จะถูกปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ อยู่ในคลังสินทรัพย์ของสถาบัน

เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น บิทคอยน์จะไม่ใช่แค่ “ทองคำดิจิทัล” อีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “เงินที่เคลื่อนไหวได้” ตามเจตนารมณ์ดั้งเดิมที่มันควรจะเป็นตั้งแต่แรก

การแข่งขันเพื่อคว้า HYPER 

นักลงทุนที่มีมุมมองเดียวกันเกี่ยวกับการพัฒนาของบิทคอยน์ กำลังหันมาให้ความสนใจกับ HYPER ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำงานควบคู่กับ Bitcoin ภายในระบบนิเวศของ Bitcoin Hyper

HYPER เป็นเชื้อเพลิงของทุกอย่าง โดยทำหน้าที่เป็นโทเค็นสำหรับค่าก๊าซ เป็นเหรียญสำหรับสเตกกิ้ง และเป็นกุญแจด้านการกำกับดูแลของโซลูชั่นเลเยอร์ 2 

นักลงทุนช่วงแรกหลายคนมองว่า โปรเจกต์นี้มันคือโอกาสที่ช่วยชดเชยสิ่งที่พวกเขาพลาดไปเมื่อครั้งบิทคอยน์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น

ด้วยราคาซื้อขายในปัจจุบันที่ $0.013195 ต่อโทเคน ศักยภาพของโปรเจกต์จึงชัดเจนมาก เพราะหากมีเพียงแค่ 1% ของอุปทาน Bitcoin ก็เป็นปริมาณที่น้อยกว่าที่ MicroStrategy (Strategy) ถือครองเสียอีก หากถูกนำมาล็อกไว้ในสะพานของ Bitcoin Hyper จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญ

ทางคณิตศาสตร์ก็ชี้ภาพให้เห็นแล้ว โปรเจกต์ที่มีมูลค่าหมุนเวียนเต็ม (FDV) เพียง $277 ล้าน แต่รองรับ BTC ได้สูงถึง $2.3 พันล้านนั้น ยังมีช่องว่างอีกมากให้ตลาดไล่ตามศักยภาพที่แท้จริง

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ทางการ Bitcoin Hyper  โดยเชื่อมต่อกระเป๋าเงิน Best Wallet หนึ่งในกระเป๋าคริปโตและบิทคอยน์ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน 

ซึ่ง HYPER ถูกลิสต์อยู่ในหมวด Upcoming Tokens แล้ว ทำให้ติดตาม จัดการ และเคลมได้ง่าย เมื่อโปรเจ็กต์เปิดใช้งานจริง เพื่อความสะดวกที่สุด

สามารถเข้าร่วมคอมมูนิตี้บน Telegram และ X เพื่อรับอัปเดตล่าสุด

หากสนใจโปรเจกต์สามารถเข้าไปศึกษา Bitcoin Hyper เพิ่มเติม ได้แล้ว

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                  
เช็คลิสต์รายละเอียดสถานะ
1. เว็บไซต์ & Whitepaper โปรเจกต์มีเว็บไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือ และมีเอกสาร Whitepaper ที่ระบุข้อมูลชัดเจนไม่กำกวม✔️
2. ความโปร่งใสของทีมงาน ทีมพัฒนามีการเปิดเผยตัวตนชัดเจนไม่ได้ปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด
3. Tokenomics เหรียญมีการแจกแจงการปันส่วนที่สมเหตุผล และฝ่ายใดถือครองจนมากเกินไป✔️
4.Smart Contract Smart contract มีความโปร่งใสและถูกตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการใส่โค้ดแอบแฝงเพื่อโจมตีนักลงทุน  ✔️
5. มีกำหนดการชัดเจนโปรเจกต์มีการกำหนดวันสิ้นสุดการระดมทุนพรีเซล รวมถึงวันลิสต์เหรียญอย่างชัดเจน
6. ผู้ใช้สามารถถอนเงินได้กรณีเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้น นักลงทุนยังคงสามารถทำการถอนเงินคืนได้⚠️ (ไม่ชัดเจน)
7. คอมมูนิตี้ โปรเจกต์มีชุมชนคอยให้การสนับสนุนจริง ไม่ได้ถูกรันด้วยบอทเพียงอย่างเดียว ✔️
8. สภาพคล่อง โปรเจกต์มีการล็อกสภาพคล่องเพื่อระงับไม่ให้เกิดการ Rug pull ขึ้น
9. สัญญาณอันตราย โปรเจกต์ไม่มีสัญญาณอันตราย เช่น การระดมทุนจะสิ้นสุดเมื่อราคาถึงระดับ XXX เป็นต้น ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
อ่านรายละเอียดเช็คลิสต์เพิ่มเติมได้ที่นี่

บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ทาง Siam Blockchain รวมถึงผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบในทุกกรณีหากเกิดความเสียหายจากการลงทุนของท่าน

บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์