ท่ามกลางตลาดคริปโตที่กำลังเผชิญปัจจัยลบมากมาย BitMine บริษัท Crypto Treasury ยักษ์ใหญ่ที่สะสมทั้ง Bitcoin และ Ethereum ได้ออกมาประกาศแผนกลยุทธ์ใหม่เพื่อหารายได้เข้าบริษัท ด้วยการเตรียมเปิดตัวเครือข่าย Validator ของตัวเอง ในขณะที่สถานะการเงินจริงของบริษัทกำลังเผชิญกับตัวเลขขาดทุนทางบัญชีมหาศาล
เปิดตัว MAVAN หวังดอกเบี้ยช่วยชีวิต
BitMine ประกาศแผนเปิดตัว Made in America Validator Network (MAVAN) ซึ่งมีกำหนดเริ่มใช้งานจริงใน ไตรมาสแรกของปี 2026 โดยมีเป้าหมายเพื่อนำ Ethereum (ETH) จำนวนมหาศาลที่บริษัทถือครองอยู่ ไปวางค้ำประกัน (Stake) ในระบบเพื่อกินรวบผลตอบแทน (Staking Rewards)
Tom Lee ประธานบริษัทระบุว่า “ในสเกลระดับนี้ เราเชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะตอบโจทย์ผลประโยชน์ระยะยาวของผู้ถือหุ้นได้ดีที่สุด”
ความจริงอันเจ็บปวด “ติดดอย” เหรียญละ $1,000
แม้แผนงานจะดูสวยหรู แต่ความเป็นจริงในปัจจุบันกลับสวนทาง ข้อมูลจาก 10x Research เผยว่า BitMine กำลังแบกรับ ผลขาดทุนทางบัญชี สูงกว่า 3.7 พันล้านดอลลาร์
สาเหตุหลักมาจากกลยุทธ์การเข้าซื้อที่ผิดจังหวะ โดยบริษัทได้ไล่เก็บสะสม ETH ในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่ราคากำลังพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด แต่เมื่อราคา ETH ปัจจุบันร่วงหลุด 3,000 ดอลลาร์ ลงมาแตะระดับ 2,700 ดอลลาร์ ทำให้ตอนนี้ BitMine มีต้นทุนสูงกว่าราคาตลาดถึงกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อ 1 ETH ที่ถืออยู่
อนาคตมืดมน? คู่แข่ง ETF น่ากลัวกว่า
10x Research วิเคราะห์ทิ้งท้ายไว้อย่างน่ากังวลว่า โมเดลธุรกิจของ Crypto Treasury แบบ BitMine กำลังเจอทางตัน
- หานักลงทุนใหม่ยาก ใครจะกล้าเข้ามาลงทุนเพิ่ม ในเมื่อผู้ถือหุ้นเดิมยังนั่งทับผลขาดทุนระดับพันล้าน
- คู่แข่งที่เหนือกว่า ปัจจุบันนักลงทุนมีทางเลือกที่ดีกว่าอย่าง Spot ETH ETF ของเจ้าตลาดอย่าง BlackRock ซึ่งค่าธรรมเนียมถูกกว่าและมีความปลอดภัยสูง ทำให้ความน่าสนใจในการถือหุ้นบริษัท Treasury ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

