<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อดีตแฟนหนุ่ม Sam Altman ถูกคนร้ายชักปืนจ่อถึงบ้าน ขโมย Bitcoin และ ETH ไปได้กว่า 350 ล้านบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา สำนักข่าว New York Post รายงานว่า เกิดเหตุการณ์สุดอุกอาจขึ้นในเมืองซานฟรานซิสโก คนร้ายติดอาวุธปืนบุกปล้นบ้านของ Lachy Groom อดีตแฟนหนุ่ม Sam Altman ซีอีโอ OpenAI และขโมยเหรียญคริปโตอย่าง Bitcoin และ Ethereum มูลค่าราว 350 ล้านบาท หลบหนีไป

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ โดยคนร้ายปลอมตัวเป็นพนักงานส่งพัสดุ อ้างทำงานให้กับบริษัทในเครือ UPS โดยมีการถือกล่องสีขาวมาที่หน้าประตูและสอบถามหา “Joshua” ชายที่พักอาศัยอยู่กับ Groom จากนั้นมีการใช้อุบายขอยืมปากกาเพื่อติดตามเหยื่อเข้าไปในบ้าน

แหล่งข่าวตำรวจเผยว่า หลังจากเข้าบ้านไปได้ คนร้ายได้มีการชักปืนขู่ ใช้เทปพันสายไฟมัดตัวเหยื่อ และทำร้ายร่างกายยาวนานกว่า 90 นาที พร้อมเปิดเสียงลำโพงโทรศัพท์ให้ได้ยินเสียงบุคคลที่พูดสำเนียงต่างชาติทวนข้อมูลส่วนตัวของ Groom สันนิษฐานว่า เป็นการลงมือของกลุ่มอาชญากรที่มีการวางแผนและเจาะจงเหยื่อไว้ล่วงหน้า

ระหว่างก่อเหตุ คนร้ายได้เทของเหลวบางชนิดใส่เหยื่อ และทยอยโอนคริปโตทั้งหมดออกจากวอลเล็ตของเหยื่อ ก่อนขโมยโทรศัพท์และแล็ปท็อปหนีไป

ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุเวลา 18:45 น. พบเหยื่อมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยและฟกช้ำ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้

ด้าน Lachy Groom วัย 31 ปี เป็นนักลงทุน VC ชื่อดังที่เคยคบหาดูใจกับ Sam Altman ก่อนที่ Altman จะเข้าพิธีแต่งงานในปี 2024 และยังเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม “The Stripe Mafia” อดีตพนักงาน Stripe ที่ประสบความสำเร็จในวงการสตาร์ทอัพ

ภาพ Sam Altman กับ Lachy Groom ที่ถ่ายด้วยกันเมื่อปี 2014 ที่มา:Facebook

หลังเกิดเหตุ Garry Tan นักลงทุนชื่อดังได้เผยแพร่วิดีโอกล้องวงจรปิดเพื่อขอความช่วยเหลือจากสาธารณชน ก่อนทำการลบออกไป พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงของการเก็บคริปโตด้วยตัวเอง (Self-Custody) ว่า “การเก็บรักษาคริปโตด้วยตัวเองดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดี…จนกว่าจะมีคนบุกเข้ามาในบ้านของคุณพร้อมกับปืน”

ขณะเดียวกัน Steve Krystek ซีอีโอบริษัทรักษาความปลอดภัย PFC Safeguards ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคริปโตจำนวนมากแสดงความมั่งคั่งต่อสาธารณะ ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของอาชญากร

ที่มา:nypost