Bank of America (BofA) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการธนาคารสหรัฐฯ ปรับกลยุทธ์ครั้งสำคัญรับปี 2026 ด้วยการออกคำแนะนำให้ลูกค้ากลุ่ม Wealth Management แบ่งสัดส่วนพอร์ตการลงทุน 1-4% เพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะ Bitcoin ETF ผ่านแพลตฟอร์ม Merrill และ Private Bank
ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายจาก “รับคำสั่งซื้อเมื่อลูกค้าร้องขอ” มาเป็น “ที่ปรึกษาสามารถแนะนำให้ซื้อได้” อย่างเป็นทางการ
เริ่ม 5 มกราคม! ปักหมุด 4 กองทุนตัวท็อป
ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม เป็นต้นไป ที่ปรึกษาการเงินกว่า 15,000 คนของธนาคารจะเริ่มให้คำแนะนำการลงทุนใน Bitcoin ETF 4 กองทุนหลัก ได้แก่
- Bitwise Bitcoin ETF (BITB)
- Fidelity’s Wise Origin Bitcoin Fund (FBTC)
- Grayscale’s Bitcoin Mini Trust (BTC)
- BlackRock’s iShares Bitcoin Trust (IBIT)
Chris Hyzy ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนระบุว่า สัดส่วน 1-4% นี้เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และสนใจในนวัตกรรม โดยกลุ่มที่ระมัดระวังอาจเริ่มที่กรอบล่าง (1%) ส่วนคนที่รับความผันผวนได้สูงอาจขยับไปที่กรอบบน (4%)
เทียบฟอร์มคู่แข่ง ใครให้ถือเท่าไหร่?
การขยับตัวของ Bank of America สอดคล้องกับเทรนด์ใหญ่ของ Wall Street ที่สถาบันการเงินต่างพากันแนะนำให้ลูกค้ามี “Crypto Exposure” ติดพอร์ตไว้
- Morgan Stanley แนะนำ 2-4% (มองว่าเป็นสินทรัพย์เก็งกำไรแต่ได้รับความนิยมสูง)
- BlackRock แนะนำ 1-2%
- Fidelity แนะนำ 2-5% (และสูงถึง 7.5% สำหรับนักลงทุนอายุน้อยกว่า 30 ปี)
- Vanguard เพิ่งประกาศเปิดให้เทรด Crypto ETF บนแพลตฟอร์มเมื่อวานนี้
โอกาสในวิกฤต?
คำแนะนำนี้ออกมาในช่วงที่ราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 126,000 ดอลลาร์ ลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 85,000 ดอลลาร์ (-10% YTD) สวนทางกับตลาดหุ้น S&P 500 ที่บวกกว่า 15% อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลทรัมป์เริ่มรื้อถอนกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคและสร้างความชัดเจนทางกฎหมาย อาจเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้สถาบันการเงินกล้า “ออกตัวแรง” เชียร์คริปโตมากขึ้นในปีนี้
ที่มา: yahoo

