ถึงแม้เทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrency จะมีศักยภาพที่จะปฎิวัติโลกได้เลย แต่ก็เป็นความจริงที่ว่ามันเป็นเทคโนโลยีที่เพิ่งถือกำเนิดมาได้ไม่นานทำให้สภาพแวดล้อมรอบ ๆ มันยังไม่สมบูรณ์เท่าไรนัก เพราะฉะนั้น หากต้องการให้มันเติบโตแบบก้าวกระโดด การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก
การมีกฎระเบียบที่เคร่งครัด หรือไร้กฎระเบียบเกินไปจะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม เพราะฉะนั้นหน้าที่ของผู้ออกกฎหมายคือการสร้างสมดุลระหว่างฝั่งนวัตกรรมและกฎระเบียบ
สาเหตุที่ต้องมีกฎหมาย
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2018 ในงาน Beyond Blocks Summint in Bangkok คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย, ดร.ภูมิ ภูมิรัตน ที่ปรึกษาก.ล.ต. ประเทศไทย และนายธรรมรักษ์ หมื่นจักร ผู้บริหารของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ได้มาพูดในงานเกี่ยวกับมุมมองในแง่ต่าง ๆ ของอุตสาหกรรมคริปโตและ Blockchain ในไทย
ก่อนหน้านี้ประเทศไทยมีการเทรดคริปโตกันภายในประเทศนานหลายปีแล้ว แต่ดร.ภูมิ ได้เล่าว่าสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ก.ล.ต. เริ่มเข้ามาดูแลในส่วนนี้เรื่องจากมีการต้มตุ๋นหลอกลวงเกิดขึ้น
“ก.ล.ต. ได้ทำการเฝ้ามองศึกษาวงการคริปโตมานานกว่า 2 ปีแล้ว และรู้ว่า กฎหมายในปัจจุบันยังไม่ได้ครอบคลุมไปถึงการกำกับดูแลวงการคริปโตและ Blockchain และเมื่อกระแสคริปโตและ ICO เริ่มร้อนแรงมากขึ้นในไทย ทางก.ล.ต. เล็งเห็นว่า มีการต้มตุ๋นหลอกลวงเกิดขึ้นมากมายในประเทศไทย และมีผู้คนเสียหายมากมายหลายล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะในประเทศไทย มันเลยเป็นสาเหตุหลักที่ต้องมีกฎหมาย”
หลังจากที่กฎหมายสำหรับคริปโตและ Blockchain โดยเฉพาะเกิดขึ้นในไทย ทำให้การระดมทุน ICO ในประเทศต้องหยุดชะงัก เนื่องจาก ตามกฎหมายจะต้องระดมทุนผ่าน ICO Portal ที่ได้รับอนุมัติจากก.ล.ต. แล้วเท่านั้น ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีใครเป็น ICO Portal ในไทย แต่ดร.ภูมิ ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าว่า อาจได้เห็นเร็ว ๆ นี้
“มีผู้แสดงความต้องการว่าอยากเป็น ICO Portal หลายสิบเจ้า และมีบางเจ้าที่ตอนนี้กำลังเดินเรื่องเอกสารต่าง ๆ อยู่ ผมคิดว่าจะได้เห็น ICO Portal ของไทยในต้นปีหน้า”
ตลาดหลักทรัพย์และคริปโต
เมื่อพูดถึงการระดมทุน ICO ไม่สามารถมองข้ามกระแสของ STO หรือ Security Toekn Offering ไปได้เลย
ซึ่งดร. ภูมิได้ชี้ว่า ก.ล.ต. ไทยเองก็ได้รับรู้แล้วว่ามีเทรนด์ดังกล่าวกำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะมาพิจารณา การดูแล STO ภายในปีหน้า
นอกจากก.ล.ต. แล้ว คุณปริญญ์ ก็ได้เผยด้วยว่า ตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) เองก็กำลังพัฒนา Blockchain เพื่อใช้ในตลาดเช่นกัน
“ตอนนี้ ตลาดหลักทรัพย์ไทยกำลังวางแผนที่จะใช้เทคโนโลยี Blockchain ในอนาคต พวกเขาได้ทำการจ้างนักพัฒนาจากทั่วโลก หลัก ๆ แล้วจากสิงคโปร์ ตลาดหลักทรัพย์ตั้งใจที่จะนำมันมาใช้ประโยชน์เช่น การติดตามความเป็นเจ้าของหุ้นแบบ Real-time ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มากที่พวกเรากำลังพยายามแก้ไขอยู่”
นอกจากนี้ เขายังเผยด้วยว่า ตลาดหลักทรัพย์กำลังวางแผนที่จะ Tokenize หลักทรัพย์ทั้งหมดในตลาดอีกด้วย ซึ่งกำลังพัฒนาอยู่ และจะได้เห็นในอนาคตอีกด้วย
ธนาคารกลางไทยและคริปโต
นายธรรมรักษ์ ได้เปิดเผยจุดยืนของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (BoT) ว่า เปิดกว้างเป็นอย่างมาก หากมีธนาคารไหนในประเทศมีโปรเจกต์ด้าน Blockchain ก็สามารถนำมาเสนอได้
รวมทั้ง เขายังเผยด้วยว่า สำหรับ Stablecoin ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ธนาคารกลางแห่งประเทศไทยจะใช้กฎหมายสำหรับ E-money ที่มีอยู่แล้ว เพราะเนื่องจากมันมีจุดประสงค์เดียวกัน ซึ่งพวกเขาก็เปิดกว้างในไอเดียนี้เช่นกัน ไม่ได้ห้ามที่จะสร้างในไทย แต่ควรมาปรึกษาและให้ความรู้กับ BoT ก่อนจะได้ทำให้เหมาะสม
จากภาพรวมแล้ว หน่วยงานหรือกระทรวงต่าง ๆ ในไทยนั้นต่างเปิดกว้างต่ออุตสาหกรรมคริปโตและ Blockchain เป็นอย่างมาก ซึ่งในแง่กฎหมายแล้ว ถือว่าประเทศไทยของเรานั้นค่อนข้างครอบคลุมมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
ถึงแม้กพ.ร.ก. สำหรับประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มี ICO Portal เกิดขึ้นในไทยเลย ในต้นปีหน้า หาก ICO Portal ได้รับการอนุมัติจริง ๆ ก็คงเห็นวงการคริปโตในไทยกลับไปคึกคักอีกครั้งอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับเมื่อต้นปีนี้ ที่มีโปรเจกต์ ICO น่าสนใจ ๆ เกิดขึ้นแทบทุกเดือนเลยทีเดียว
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น