เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา Wall Street Journal (WSJ) ได้ตีพิมพ์ข้อมูลว่า “ Bitcoin และเทคโนโลยี Blockchain นั้นสามารถใช้งานได้จริง ๆ เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น”
ถึงแม้คริปโตและเทคโนโลยี Blockchain จะถูกจุดกระแสอย่างร้อนแรงว่า มันจะเข้ามาแทนที่ระบบการเงินเก่า ๆ พร้อมทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาของหลากหลายอุตสาหกรรมได้ เนื่องจากประสิทธิภาพที่สูงกว่าระบบดั้งเดิม พร้อมทั้งความโปร่งใส ซึ่งทำให้มีการตรวจสอบติดตามข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น
แต่ดูเหมือนว่า อ้างอิงจากข้อมูลจริง ๆ แล้วมันจะไม่เป็นแบบนั้นซะทีเดียวเมื่อปี 2017 Wall Street Journal ได้รายงานว่า “คริปโตเป็นหนึ่งในวิธีการสู่ความร่ำรวยที่ไวที่สุด”
ถูกใช้งานในวงเล็ก ๆ
รายงาน WSJ อันล่าสุดก็ได้เผยข้อมูลการใช้งานของคริปโตว่ามันถูกใช้ในวงเล็ก ๆ เท่านั้น:
“Bitcoin และคริปโตอีกหลายร้อยสกุลที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมากถูกใช้งานโดยส่วนมากกับนักพัฒนาเท่านั้น”
อ้างอิงจาก WSJ คริปโตที่เป็นแพลตฟอร์มเช่น Ethereum (ETH) นั้นแทบไม่ได้ถูกใช้เลยในการพัฒนาแอปฯ เนื่องจากไม่มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกสำหรับพัฒนาแอปฯ บน iOS และ Andriod นักพัฒนาแอปฯ ทั่วไปเลยยังไม่สนใจกัน มีแต่นักพัฒนาคริปโตเท่านั้นที่ใช้งาน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การใช้งานจริง ๆ จะยังมีไม่มาก แต่ WSJ ก็ยอมรับว่า นักลงทุนระดับสถาบันนั้นมีโอกาสที่จะเข้ามาในตลาดคริปโต หลังจากที่ Bakkt ของ Intercontinental Exchange เปิดตัว ซึ่งมันน่าจะเปิดให้บริการภายในต้นปี 2019
Bakkt จะเปิดประตูให้นักลงทุนระดับสถาบันเข้ามาลงทุนใน Bitcoin ได้อย่างถูกกฎหมายและปลอดภัย ซึ่งจะทำให้เจ้าใหญ่เข้ามาลงทุนได้สะดวกขึ้นนั่นเอง และเมื่อมีเงินไหลเข้ามามากขึ้น ตลาดก็มีสิทธิกลับเป็นขาขึ้นเช่นกัน
เมื่อเดือนธันวาคม 2018 WSJ ก็ได้ตีพิมพ์วิจัยอีกเช่นกันว่า มี ICO กว่า 2,000 โปรเจกต์ในปี 2018 ที่มีการชวนเชื่อให้ลงทุนแบบการันตีผลตอบแทน
ถึงแม้อุตสาหกรรมคริปโตและ Blockchain นั้นจะมีความยากลำบากและอุปสรรคมากมายในตอนนี้ แต่มันก็ยังถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางการลงทุนที่น่าสนใจอยู่ดี ในอนาคตมันอาจจะเริ่มใช้งานจริงได้มากกว่านี้ก็เป็นได้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น