ผู้ก่อตั้งและผู้สร้างเหรียญคริปโตอันดับที่ 93 ของโลก Zcoin นายปรมินทร์ อินโสม ได้ออกมาเผยว่าการใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อการแก้ปัญหา “ต่าง ๆ นา ๆ” ตามที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งในช่วงนี้ออกมาเสนอนั้นถือเป็นเรื่องที่ “มองโลกแบบผิวเผินไปนิดหนึ่ง”
โดยอ้างอิงจากเฟสบุ๊คส่วนตัวของเขานั้น เขาได้กล่าวว่า
“เห็นผู้สมัครรับเลือกตั้งช่วงนี้บอกว่าจะใช้ blockchain แก้ปัญหาต่าง ๆ นา ๆ
ยังไงผมก็ยังเชื่อว่า การจะแก้ปัญหาซักอย่าง คงไม่ใช่แค่เทคโนโลยี ยังไงก็ต้องมีคน และกระบวนการมาเกี่ยวข้อง จะเอาเทคโนโลยีนำอย่างเดียว แล้วบอกว่ามาแก้ปัญหา
มันดูจะมองโลกแบบผิวเผินไปนิดหนึ่ง ยังไงก็ฝากด้วย เพราะผมเองก็ผ่านการใช้ blockchain ในการเลือกตั้งระดับแสนคนมาแล้ว และเห็นว่าที่ออกนโยบายกันมา คงหวังดี แต่การปฏิบัติจริง มันจะมีอุปสรรคอีกเยอะครับ ไม่ใช่เพราะเทคโนโลยี แต่เพราะคนและกระบวนการ”
ความเห็นของเขานั้นมีขึ้นหลังจากที่ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าผู้เข้าสมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่รายหนึ่งได้มีการแนะนำให้ใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อ “เปิดข้อมูลภาครัฐให้ประชาชนและบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึง นำไปต่อยอดได้ โดยอาศัยเทคโนโลยีบล็อคเชนเพื่อความโปร่งใส” นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครเลือกตั้งรายอื่นจากพรรคดังกล่าวอย่างเช่นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยพูดคุยถึงการนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้พัฒนาประเทศไทยอีกด้วย
ทว่าอย่างไรก็ตาม นายปริมินทร์ให้สัมภาษณ์กับทางสยามบล็อกเชนว่าตัวเขาเองนั้นไม่ได้ “โยงถึงใคร” แต่แค่พูดแบบทั่ว ๆ ไปเท่านั้น
ปัจจัยด้านตัวคนคือปัญหาหลัก
เขาได้กล่าวขยายความถึงปัจจัยหลัก ๆ สามประการที่ทำให้ Blockchain สามารถใช้แก้ปัญหาเกือบทุกเรื่องในประเทศไทย ซึ่งนั่นก็คือ ตัวบุคคล, ขั้นตอน, และตัวเทคโนโลยี
“เหมือนคุณซื้อ anti virus มากัน virus แต่ลืมเปิด หรือพอมีอัพเดท แต่ไม่กดอัพเดท คือไม่ใช่ antivirus แล้วจบ คนเองก็ต้องมีความรู้ และก็ต้องคอยอัพเดทและสแกน” กล่าวโดยนายปรมินทร์
หลัก ๆ นั้นเขามองว่าปัจจัยด้านบุคคลนั้นยังถือเป็นตัวแปรหลัก ๆ และสำคัญ ในการที่จะแก้ไขปัญหาด้านใด ๆ ก็ตาม
“ถ้าคนไม่ยอม หรือกระบวนการไม่เอื้อ ยากครับ ทั้งสามส่วนต้องไปด้วยกันขาดส่วนไหนส่วนหนึ่งไม่ได้” กล่าวโดยนายปรมินทร์ พร้อมเสริมว่า
“ทั้งประชาชน และคนที่ลงการเมือง และทุกคนที่เกี่ยวข้องเลยครับ ต่อให้ใช้ blockchain ถ้าคนยังซื้อเสียงได้ หรือเชื่อไปตามๆ กันก็แก้ไขไม่ได้”
ทั้งนี้ เขาชี้ว่าปัญหาในด้านของความโปร่งใสนั้น ต่อให้ใช้ Blockchain ก็ไม่ช่วย ถ้าหากว่าข้อมูลก่อนที่จะถูกนำมาบันทึกลงบนแพลทฟอร์มกระจายศูนย์ดังกล่าวนั้นได้รับการปรับแต่งหรือโกงมาแล้ว
“ประเด็นคือ ก่อนนำข้อมูลเข้า blockchain เรารู้ได้อย่างไรว่าโปร่งใส ข้อมูลนั้นอาจจะถูกบิดเบือนมาแล้วก็ได้ แล้วเอามาใส่ blockchain พอถึงจุดนี้ เราจะรู้เลยครับว่า blockchain เป็นแค่จิกซอตัวหนึ่ง”
ทั้งนี้ เขากลัวว่าหากข้อมูลถูกแก้ไขก่อนที่จะนำมาใส่ใน Blockchain แล้วนั้น มิจฉาชีพดังกล่าวอาจมีการนำเอา Blockchain มาอ้างเพื่อเรียกร้องความชอบธรรม โดยหาว่าเทคโนโลยีนี้คือสิ่งที่โกงไม่ได้ ดังนั้น “ข้อมูลของพวกเขาเหล่านั้นจะต้องถูกต้อง” ทั้งหมด
เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาในส่วนของตัวแปรด้านตัวคนได้อย่างไร เขากล่าวว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยหยิบยกกรณีของการยึดอำนาจในประเทศมาเป็นตัวอย่าง
“เปลี่ยนคนยากสุด รัฐประหารมีมากี่ปี มีกี่ครั้ง อันนี้คนล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเลย”
ภายหลังเขากล่าวสรุปว่าเทคโนโลยี Blockchain นั้นอาจจะช่วยแก้ปัญหาได้เพียงแค่ 33% เท่านั้น ที่เหลือนั้นก็คือปัจจัยด้านบุคคล และกระบวนการ ที่จะช่วยแก้ปัญหาหลาย ๆ ด้านในประเทศไทยได้
ก่อนหน้านี้นายปรมินทร์ได้ช่วยเหลือให้พรรคประชาธิปัตย์นำเอาเทคโนโลยี Blockchain ของ Zcoin ไปใช้ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคแล้ว ตามที่สยามบล็อกเชนเคยรายงานไป โดยในขณะนั้นเขากล่าวว่า
“ผมเชื่อว่าเราประสบความสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่งในแง่ของการเมืองและหวังว่าพรรคการเมืองพรรคอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งผู้ปกครองไม่ใช่แทคในประเทศไทยแต่รวมถึงประเทศอื่น ๆ ด้วยควรที่จะหาทางนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้กับการโหวตทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มากขึ้น”
ขอบคุณภาพจาก HoonSmart
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น